แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 53
1
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis)

โรคท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงเฉียบพลันที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักพบในเด็กเล็ก ส่วนมากจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง มักพบติดต่อกันได้ง่าย บางครั้งอาจมีการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือผู้สูงอายุ โรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น ไวรัส โคโรนา (coronavirus) ไวรัสอะดีโน (adenovirus) ไวรัสแอสโตร (astrovirus) ไวรัสคาลิซิ (calicivirus) ไวรัสนอร์วอล์ก (Norwalk virus) เป็นต้น ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ บางชนิดก็อาจติดต่อโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือการปนเปื้อนเชื้อในอุจจาระเข้าทางเดินหายใจ (fecal respiratory transmission)

เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคท้องเดินเฉียบพลัน ซึ่งพบได้ในทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 6-24 เดือน) ได้แก่ ไวรัสโรตา (rotavirus) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย และสามารถติดต่อทางการหายใจได้ ระยะฟักตัว 1-2 วัน


อาการ

มักมีไข้สูง ถ่ายเป็นน้ำบ่อย อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย มักจะเป็นอยู่นานเพียงไม่กี่วัน แต่บางรายอาจนาน 1-2 สัปดาห์

สำหรับโรคท้องเดินจากไวรัสโรตา เริ่มแรกจะมีอาการปวดท้อง อาเจียนนำมาก่อน แล้วจึงมีอาการถ่ายเป็นน้ำตามมา อุจจาระมีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักมีไข้สูงร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมด้วย อาการมักเป็นอยู่นาน 5-7 วัน ในรายที่เป็นไม่มากก็มักจะหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องรุนแรง ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงได้


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง

อาจทำให้เกิดภาวะพร่องแล็กเทส เนื่องจากเยื่อบุลำไส้เล็กที่อักเสบไม่สามารถสร้างเอนไซม์ชนิดนี้ชั่วคราว ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังตามมาได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งอาจตรวจพบไข้ และภาวะขาดน้ำ

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้-พาราเซตามอล และให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่

2. หากกินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ


การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำร่วมกับไข้ หรือสงสัยมีอาการท้องเดินจากไวรัส ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ 1/2-1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม 

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเล
    หลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ 
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

1. ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันท้องเดิน

2. ควรแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไอ จาม ควรปิดปาก อย่าไอหรือจามรดใส่ผู้อื่น

3. ผู้ดูแลทารกหรือเด็กเล็ก (เช่น ในสถานรับเลี้ยงเด็ก) ควรล้างมือกับสบู่ทุกครั้งที่ชำระก้นเด็กหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมกับท้องเดิน บางรายจึงเรียกว่า "หวัดลงกระเพาะ" หรือ "ไวรัสลงกระเพาะ"

2. อาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษ หรือบิดชิเกลลา ระยะแรกหลังให้การรักษาควรเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลง ถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดตามมาควรให้การรักษาแบบบิดชิเกลลา

3. ถ้ามีภาวะพร่องแล็กเทสตามมา ควรให้เด็กงดนมมารดาและนมวัว ให้ดื่มนมถั่วเหลืองแทน และให้การดูแลแบบภาวะพร่องแล็กเทส


2
รีวิวบ้านใหม่ 2025: วิลล่า โนวา เทพารักษ์ (Villa Nova Teparak)

เยี่ยมชมบ้านเดี่ยว ระดับพรีเมี่ยม ของ บริษัท รสิกา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งโครงการนี้ตั้งอยู่ในทำเลเทพารักษ์ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เพราะสามารถเชื่อมต่อไปในเส้นทางอื่นได้อย่างสะดวก โดยตัวโครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น พร้อมพื้นที่ใช้สอยครบครัน โครงการที่กล่าวถึงนี้ คือ "วิลล่า โนวา เทพารักษ์ (Villa Nova Teparak)" นั่นเองค่ะ จะน่าสนใจขนาดไหน ลองไปชมรายละเอียดบ้านกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ
เจ้าของโครงการ : บริษัท รสิกา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ : ถนนบางพลี-ตำหรุ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
ขนาดพื้นที่โครงการ : 58 ไร่ 3 งาน 73.00 ตร.ว.
จำนวนบ้านรวม : 266 หลัง
ขนาดที่ดินเริ่ม 50 ตร.ว. ขึ้นไป
ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 119.0 ถึง 171.0 ตร.ม.
ปัจจุบันมีแบบบ้านทั้งหมด 8 แบบ ปัจจุบันเปิดขายอยู่ 3 แบบ
สิ่งอำนวยความสะดวก : สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ. 24 ชม., CCTV และเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access
ราคาเริ่มที่ 4.49 ล้านบาท

เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการ
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 กลุ่มผู้มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์รวมตัวกันภายใต้ชื่อ บริษัท รสิกา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ด้วยความคิดมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งดีๆ คืนให้แก่สังคม โดยมีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวอันได้แก่ครอบครัว จึงมีแนวคิดที่จะสร้างบ้านให้มีคุณภาพ คุ้มค่า คุ้มราคา และเน้นประโยชน์ใช้สอยที่ลงตัว และต่อเนื่อง งานก่อสร้างแข็งแรง ประหยัดพลังงาน ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (ชำระเต็มจำนวน) โดยมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่เลขที่ 2445/24 อาคารธารารมณ์ บิสซิเนส ทาวเวอร์ ชั้นที่ 15 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โครงการที่ผ่านมา ได้แก่ วิลล่า การ์เด้น รัตนาธิเบศร์, รสิกา เทพารักษ์ และ วิลล่า พาร์ค รัตนาธิเบศร์ สำหรับโครงการปัจจุบัน ได้แก่ วิลล่า การ์เด้น 3 รัตนาธิเบศร์, วิลล่า โนวา วัชรพล - สายไหม และ วิลล่า โนวา เทพารักษ์

ทำเลที่ตั้ง
โครงการตั้งอยู่บนถนนบางพลี-ตำหรุ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540

ตำแหน่ง GPS โดยประมาณของโครงการ 13.592835, 100.698228

ตลาดสดสุธาวี ห่างจากโครงการประมาณ 950 เมตร

โรงพยาบาลบางพลี ห่างจากโครงการประมาณ 2.0 กม.

Big C บางพลี ห่างจากโครงการประมาณ 2.1 กม.

โรงพยาบาลบางนา 5 ห่างจากโครงการประมาณ 2.7 กม.

Plus Mall ห่างจากโครงการประมาณ 6.0 กม.

การเดินทาง
1. เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถมาได้หลายเส้นทาง ตามตัวอย่างเส้นทางดังต่อไปนี้ค่ะ
ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 1 มาจากถนนบางนา - ตราด


เริ่มต้นบนถนนบางนา-ตราด บริเวณหน้าเซ็นทรัลบางนา

ตรงไปตามถนนบางนา-ตราดเรื่อยๆ จนเจอป้าย สะพานกลับรถ / อ.บางพลี ค่ะ ชิดซ้ายเพื่อเตรียมกลับรถ

บริเวณนี้จะผ่าน ตลาดกิ่งแก้ว และ Makro

พอออกมาเลนด้านนอกแล้ว ให้เตรียมชิดขวาเพื่อขึ้นสะพานกลับรถ

กลับรถมาแล้ว จะผ่านด้านหน้า Market Village

จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายค่ะ

เข้าสู่ถนนบางพลี-ตำหรุ ยังคงตรงไปเรื่อยๆ ค่ะ

บริเวณใกล้ๆ กับแยกเทพารักษ์มีการก่อสร้างอยู่ ให้เบี่ยงไปทางซ้าย

จากนั้นเบี่ยงกลับเข้าเลนขวา เข้าสู่ทางยกระดับ

พอถึงแยกเทพารักษ์ เป็นแยกไฟแดงให้ตรงไปตามป้ายเลยค่ะ

ขับตรงไป

จากแยกเทพารักษ์ตรงมาอีกประมาณ 1.2 กม. จะเจอโครงการอยู่ด้านขวามือ
ให้เราชิดขวาไว้ เพื่อเตรียมกลับรถ

ที่กลับรถเลยโครงการมาอีกเพียง 100 เมตรเท่านั้นค่ะ

กลับรถแล้วก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปได้เลยค่ะ
ขาเข้าโครงการ เส้นทางที่ 2 มาทางถนนลาดกระบัง

ขาออกโครงการ เส้นทางที่ 1 ออกโครงการไปถนนบางนา-ตราด

ขาออกโครงการ เส้นทางที่ 2 ออกโครงการไปถนนลาดกระบัง

2. การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ
เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย แบริ่ง - สมุทรปราการ
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ เป็นโครงสร้างรถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดเส้นทาง มีระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เริ่มงานก่อสร้างเมื่อเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2555 ปัจจุบันมีการเปิดบริการสถานีสำโรงแล้วเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ 2560 และคาดว่าจะมีการเปิดบริการเดินรถได้ตลอดสายประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ 2561 โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ สถานีเคหะสมุทรปราการ ตั้งอยู่บริเวณซอยเทศบาลบางปู 50

แผนที่แสดงระยะทางจากโครงการไปยังรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเคหะสมุทรปราการ

สภาพแวดล้อมใกล้เคียง
โครงการตั้งอยู่ติดกับถนนตำหรุ - บางพลี ซึ่งเป็นถนนใหญ่ขนาด 6 เลน มีเกาะกลางถนน แต่บริเวณหน้าโครงการเกาะกลางถนนเป็นคลองที่ชื่อว่า คลองตรง กั้นอยู่ บริเวณโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่ว่างเปล่ารอการพัฒนาในอนาคต หมู่บ้านจัดสรร และบริษัทโรงงานอยู่เยอะพอสมควร ในบริเวณไม่เกิน 2 กม. ของถนนตำหรุ - บางพลี มีตลาด, เซเว่น อิเลฟเว่น, และร้านอาหารเล็กๆ คอยบริการอยู่ ซึ่งบริเวณถนนเทพารักษ์จะมีความครบครันกว่า แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการ สามารถเดินทางไปได้สะดวกเช่นกันค่ะ

แผนที่แสดงสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ (คลิกดูภาพใหญ่)

บริเวณด้านหน้าโครงการ เป็นถนนใหญ่ตำหรุ - บางพลี เกาะกลางถนนคั่นด้วยคลองตรง

บรรยากาศด้านขวามือของโครงการ

พื้นที่ด้านข้างเป็นพื้นที่เปล่า

บรรยากาศด้านขวาของโครงการ

ด้านนี้จะมีร้านอาหารคอยบริการอยู่ค่ะ

ตั้งอยู่ติดกับโครงการเลยทีเดียว สามารถเดินออกมาได้อย่างสะดวก
แบบบ้าน และตัวโครงการโดยรวม
โครงการ วิลล่า โนวา เทพารักษ์ (Villa Nova Teparak) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ระดับพรีเมี่ยม ขนาด 2 ชั้น มีทางเข้า-ออกหลักเพียงทางเดียว ติดหน้าถนนบางพลี-ตำหรุ สร้างอยู่บนแปลงที่ดินขนาด 58 ไร่ 3 งาน 73.00 ตร.ว. มีบ้านทั้งหมด 266 หลัง ตรงเข้าโครงการมาจะเห็นคลับเฮ้าส์ตั้งอยู่ด้านหน้าสุดฝั่งขวามือ พร้อมสระว่ายน้ำระบบคลอรีน และฟิตเนส มีพื้นที่สีเขียวเป็นสวนสาธารณะส่วนกลางให้ถึง 2 จุด อยู่ช่วงกลางของโครงการและช่วงท้ายโครงการ รั้วรอบโครงการมีความสูงอยู่ที่ 3 เมตร มีถนนหลักช่วงแรกกว้าง 16-15-12 เมตร ตามลำดับความลึก และถนนภายซอยกว้าง 8 เมตร และ 8.5 เมตร

Master Plan โครงการ วิลล่า โนวา เทพารักษ์ จาก มุมสูง แสดงให้เห็นถึง
ขอบเขตโครงการโดยรวม คลับเฮ้าส์ สวนสาธารณะ บ้านตัวอย่าง และทางเข้า-ออก

ทางเข้าด้านหน้าของโครงการ ติดถนนใหญ่ บางพลี - ตำหรุ จัดสวนให้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา

ซุมประตูทางเข้า-ออกหลักมีทางเดียว มีหลังคากันแดด-ฝนให้เฉพาะทางเข้า

ฝั่งขวามือจัดเป็นสวนหย่อมและดูแลตกแต่งอย่างดี พร้อมป้ายชื่อโครงการ วิลล่า โนวา เทพารักษ์ ขนาดใหญ่

ตรงซุ้มประตูทางเข้ามี รปภ. ตลอด 24 ชม. ประตูบานเลื่อนเหล็ก CCTV และมีห้องสำหรับรปภ. กั้นตรงกลาง
ระหว่างทางเข้า-ทางออก สำหรับรถของผู้อยู่อาศัยภายในโครงการจะต้องติดสติกเกอร์นะคะ ส่วนผู้มาติดต่อ
จากภายนอกจะต้องแลกบัตรก่อนค่ะ

ผ่านซุ้มประตูเข้ามาในโครงการฝั่งขวามือ จะเห็นคลับเฮ้าส์ ซึ่งปัจจุบันใช้พื้นที่ด้านหน้าของคลับเฮ้าส์
เป็นสำนักงานขายอยู่ค่ะ และมีที่จอดรถให้สำหรับคนที่มาติดต่อ

ถนนเมนส่วนแรกนี้กว้าง 16 เมตรค่ะ

ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นถนน และสะพานที่ใช้ขามไปโซนด้านในนะคะ ถนนตั้งแต่ตรงทางแยกนี้กว้าง 15 เมตรค่ะ

สะพานข้ามคลอง รอบๆ กั้นด้วยรั้วหญ้าเทียม

ลงจากสะพานจะเห็นทางโค้งเพื่อตรงไปข้ามสะพานอันที่สอง ด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่ขายในอนาคต
ด้านขวามือเป็นพื้นที่ที่ใช้สร้างสวนสาธารณะในอนาคตค่ะ

ข้ามสะพานมาแล้วจะเห็นวงเวียน พื้นที่หลังจากวงเวียนฝั่งซ้ายมือเป็นบ้านที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว
ส่วนฝั่งขวามือเตรียมพื้นที่สำหรับก่อสร้างบ้านอยู่ค่ะ ถนนแยกซ้ายและขวากว้าง 12 เมตร

ถนนภายในซอย กว้าง 8 เมตร และ 8.5 เมตร ถนนโซนด้านหลังนี้เชื่อมกันหมดเลยนะคะ ไม่มีซอยตัน

แบบบ้านพร้อม Floor Plan ของทางโครงการมีทั้งหมด 8 แบบ ปัจจุบันเปิดขาย 3 แบบ ดังนี้

1. แบบบ้าน Moline Plus T3+ (B) - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 Multi-Finction Room 2 Sky Terrace ระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่ พร้อม Panoramic View

2. แบบบ้าน Mono - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 139 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องครัว บ้าน Desing สไตล์ Modern Contemporary ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น

3. แบบบ้าน Mona - บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 139 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องครัว บ้าน New Desing สไตล์ Modern เพิ่มพื้นที่ความสุขให้ทุกคน

ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก
สวนสาธารณะ 2 แห่ง
คลับเฮาส์
สระว่ายน้ำระบบคลอรีน กว้าง 6.9 เมตร ยาว 14 เมตร
ฟิตเนส
รปภ. 24 ชม.
CCTV

แผนผังแสดงที่ตั้งของสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ
คลับเฮ้าส์อยู่ด้านหน้าโครงการ สวนสาธารณะอยู่ด้านหลัง

ภาพมุมสูงของคลับเฮ้าส์ ในสระว่ายน้ำ จะเปิดโล่งด้านบน

จากทางเข้าของโครงการ จะเจอกับคลับเฮ้าส์อยู่ด้านขวามือพอดีค่ะ
ปัจจุบันในส่วนที่เป็นพื้นที่ Clubhouse ตรงด้านหน้าโครงการทำเป็น Sales Gallery

เข้ามาดูสระว่ายน้ำกันค่ะ

ด้านข้างเป็นพื้นที่นั่งริมสระ

สระเป็นระบบคลอรีน ขนาด 14 x 6.9 เมตร แยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่

สระว่ายน้ำทำหลังคาที่ร่มให้ด้านนึง

ห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ระหว่าง Fitness และห้อง Service แบ่งชายหญิงให้เรียบร้อย

เข้ามาดูในส่วนของฟิตเนสกันค่ะ ด้านหน้ามองเห็นวิวสระว่ายน้ำ

อีกด้านเป็นผนังทึบ

ภายในห้องกว้างขวาง วางอุปกรณ์ได้ครบครัน

มาดูบริเวณสวนสาธารณะที่อยู่ด้านหลังสุดของโครงการกันบ้าง

ปลูกต้นไม้เป็นแนวทางเดิน

ปูพื้นหญ้า สลับกับพื้นคอนกรีต

ทำช่องทางเดินไว้ให้ภายในสวน

ประดับประดาด้วยต้นไม้ใหญ่ เพิ่มความร่มรื่น

มุมสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ

บรรยากาศสวนสาธารณะ ขนานกับบ้านเป็นแนวยาวไปจนสุดทางเลยค่ะ

ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัยนั้น บริเวณด้านหน้าโครงการเป็นประตูโครงเหล็ก

มี รปภ. ตลอด 24 ชม. กล้อง CCTV รถเข้า-ออกต้องติดสติกเกอร์

โครงการวิลล่า โนวา เทพารักษ์ มีแบบบ้านทั้งหมด 8 แบบ ปัจจุบันเปิดขายอยู่ 3 แบบ คือ Moline Plus T3+ (B), Mono, Mona วันนี้ทีมงาน CheckRaka.com ขอนำภาพบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง และบ้านเปล่ามาตรฐานที่มีชื่อว่า Mono ซึ่งเป็นแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นมาให้ชมกันค่ะ
แบบบ้าน Mono เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 139 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และห้องครัว บ้าน Desing สไตล์ Modern Contemporary มีฟังก์ชั่นครบครันทีเดียว

แบบบ้านเปล่ามาตรฐานในแบบนี้ ตัวบ้านสร้างแบบ Precast บ้านที่ขายและใช้ส่งมอบลูกค้าจะเป็นบ้านเปล่าหน้าตาแบบนี้เลยนะคะ ไม่ได้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้ แต่ตัวบ้านจะปูหญ้าให้เต็มพื้นที่ว่าง ติดตั้งผ้าม่านชั้นเดียวให้ แบบบ้าน Mono และ Mona มีฟังก์ชั่นภายในที่เหมือนกัน แตกต่างกันแค่ดีไซน์ภายนอกของบ้าน และสีที่ไม่เหมือนกันค่ะ

ทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนเหล็กแบบโปร่ง เปิดออกเป็นประตูบานเล็กๆ ได้ด้วย รั้วระหว่างบ้านมีความสูง 1.8 เมตร
เป็นกำแพงทึบ หน้าบ้านติดตั้งถังขยะแบบฝังกำแพงมาให้เรียบร้อยแบบนี้เลย

ที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คัน พื้นเป็นซีเมนต์ On Ground ฉาบเรียบยาวไปจนถึงประตูทางเข้า
ไฟเป็นไฟดาวน์ไลท์ มีพื้นที่ด้านข้างบ้าน เดินทะลุไปได้รอบๆ บ้านเลยค่ะ

มองตรงไปจะเห็นตู้เก็บของด้านหน้าบ้าน สามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านหรือสิ่งของอื่นๆ ได้
ที่จอดรถมีประตูทางเข้าบ้านเปิดเข้าไปได้โดยไม่ต้องเข้าจากประตูหลักนะคะ

ที่จอดรถกับประตูทางเข้าหลักเชื่อมกันด้วยเฉลียงหน้าบ้านที่ทำสเต็ปให้เดินได้สะดวกขึ้น
มีหลังคากันสาดให้ตรงที่จอดรถ และที่ประตูหลักทางเข้าตัวบ้าน

ตรงประตูทางเข้าหลักของบ้าน ตัวพื้นบ้านจะสูงขึ้นมาจากถนนและพื้นด้านนอก เฉลียงด้านหน้าบ้านปูด้วย
กระเบื้องสีน้ำตาล และขาว ประตูบานเลื่อนคู่ และกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง

เข้ามาข้างในบ้านจะเจอกับโถงชั้นล่าง ความสูงจากพื้นถึงเพดานชั้นล่างอยู่ที่ 2.7 เมตร ส่วนฝ้าที่ให้เป็นฝ้าเรียบ
ดรอปขึ้นตรงกลางเผื่อจะติด Chandelier ไฟเป็นไฟดาวน์ไลท์ ส่วนผนังจะฉาบเรียบพร้อมทาสีขาว
พื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีม 60 x 60 เซนติเมตร

ผนังฝั่งขวามือมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ให้ ถัดไปเป็นประตูบานเลื่อน สว่างและโล่งมากทีเดียวค่ะ
ผ้าม่านที่เห็นทางโครงการติดให้ด้วยนะคะ สีตามนี้เลยค่ะ

พื้นที่ด้านหลังส่วนนี้สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6-8 ที่ได้สบาย

ระยะของหน้าต่างและประตูบานเลื่อน

บ้านหลังนี้เป็นหลังมุมทำให้ได้พื้นที่ด้านข้างบ้านมากพอสมควร
สามารถจัดเป็นสวน หรือสร้างศาลาพักผ่อนหลังใหญ่เพิ่มได้สบายเลยค่ะ

กลับเข้ามาชมภายในบ้านกันต่อ ถัดจากพื้นที่ที่ใช้วางโต๊ะรับประทานอาหาร คือฟังก์ชั่นห้องครัว ติดกันคือห้องน้ำ

ครัวที่นี่เป็นครัวปิด บ้านที่ส่งมอบลูกค้าจะบิวท์อินเคาน์เตอร์มาให้ครบชุดแบบนี้เลยค่ะ มีซิงค์ล้างจาน Top
ผิวลามิเนตติดตั้งเตาแก๊สมาให้ ภายในครัวยังมีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 1 บาน เพื่อเปิดระบายอากาศ
ครัวที่นี่เป็นครัวแยก มีประตูปิดมาให้ ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่น ควันได้ดีทีเดียว

ประตูด้านหลังส่วนบนเป็นกระจก ช่วยเรื่องรับแสงเข้าภายในห้องครัว สามารถเปิดออกไป
ลานซักล้างหลังบ้านได้ค่ะ

เปิดประตูจากครัวออกมาหลังบ้านจะมีลานซักล้างมาให้ สำหรับบ้านเปล่ามาตรฐานพื้นเป็นซีเมนต์ปูกระเบื้อง
หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ ด้านหลังบ้านสามารถเดินทะลุไปรอบๆ บ้านได้ บ้านที่นี่จะติดตั้งแทงค์น้ำ และปั๊มน้ำมาให้ครบ

ติดกับห้องครัวคือห้องน้ำ ภายในห้องน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 1 บาน ให้สุขภัณฑ์มาครบ ทั้งอ่างล้างหน้า
และกระจกขนาดตามที่เห็นในรูป มีโถสุขภัณฑ์ ใช้ของ Nahm และฝักบัวของ Karat

เจาะวัสดุภายในห้องน้ำ

ถัดจากห้องน้ำคือประตูที่สามารถเปิดออกไปที่จอดรถได้นะคะ ติดกันคือห้องเก็บของใต้บันได
มีประตูบานใหญ่เปิดได้สะดวก ภายในห้องยังติดตั้งตู้ควบคุมไฟภายในบ้านไว้ด้วย

บันไดทางขึ้นชั้นบน เป็นบันไดโครงสร้างเหล็ก พื้นบันไดและมือจับไม้สำเร็จรูป
วางตัวอยู่ตรงกลางของบ้านพอดี

ขึ้นบันไดมาจะมีชานพักให้แบบสามเหลี่ยมค่ะ มีบานกระทุ้งขนาดเล็ก 3 บาน ตามที่ลูกศรชี้
สามารถเปิดระบายอากาศในส่วนนี้ได้

กระจกรับแสงต่อกันเป็นทรงสูงทำให้ตอนกลางวัน แสงธรรมชาติเข้าส่วนนี้ได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ
ประหยัดไฟไปได้อีก

เดินขึ้นมาอีกหน่อยจะเป็นชานพักแบบสี่เหลี่ยม มีทางเข้าห้องนอน 3 อยู่ตรงนี้ ซึ่งเป็นห้องเล่นระดับค่ะ

ห้องนอน 3 ห้องนี้มีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 2 บาน พร้อมกระจกเข้ามุมทำให้ห้องดูกว้างขึ้น วางตัวอยู่ฝั่งหน้าบ้าน
มีความสูงจากพื้นห้องถึงฝ้าเพดาน 3.40 เมตร สูงที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมดนะคะ เนื่องจากพื้นห้องเล่นระดับ
กินพื้นที่ชั้นล่างมาหน่อย พื้นลามิเนตหนา 8 มม.

ขึ้นบันไดมาอีก 3 ขั้น จะเป็นโถงชั้นบน พื้นลามิเนตหนา 8 มม. เหมือนกันค่ะ ความสูง 2.7 เมตร
 เท่ากับชั้นล่าง มีฟังก์ชั่นห้องตามรูปนี้เลยค่ะ

พามาชมห้องนอน 2 กันต่อนะคะ ห้องนี้มีขนาดเท่ากันกับห้องนอน 3 แต่วางตัวอยู่ฝั่งหลังบ้าน มีหน้าต่าง
บานเลื่อน 1 บาน และมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน

ห้องน้ำชั้น 2 จะวางตัวอยู่ระหว่าง Master Bedroom และห้องนอน 2 มีฟังก์ชั่นแบบเรียงกันไปเลย
คือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจก โถสุขภัณฑ์ มีฝักบัว ส่วนพื้นสำหรับส่วนเปียกจะลดระดับลงให้เล็กน้อย
และมีบานเลื่อนระบายอากาศให้ 2 บาน ขนาดห้องและสุขภัณฑ์ที่ให้ใกล้เคียงกับห้องน้ำด้านล่างเลยค่ะ

ห้องสุดท้ายที่เราจะพามาชม คือ Master Bedroom ห้องนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด วางตัวอยู่ด้านหน้าบ้าน มีหน้าต่าง
บานกระทุ้งด้านบนหัวเตียงเพื่อรับแสง และระบายอากาศให้ 2 บาน พร้อมกระจกเข้ามุมเชื่อมต่อกับหน้าต่าง
บานเลื่อนอีก 1 บาน และมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปนอกระเบียงได้

ภาพหน้าต่าง กระจก และประตูที่แทบจะยาวต่อเนื่องกัน ทำให้ห้องดูสว่าง

ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เปิดออกไปที่ระเบียงได้

พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้อง ราวกันตกเป็นราวเหล็กทาสี ความยาวระเบียงเท่ากับความกว้าง
ของห้องเลยค่ะ ไฟด้านนอกเป็นโคมไฟ

ถ่ายจากตรงระเบียงมองเข้าไปจะเห็นพื้นที่สำหรับทำ Mini Walk in Closet และทางเข้าห้องน้ำอยู่ส่วนนี้ด้วยค่ะ

พื้นที่ส่วนนี้สามารถบิวท์อินตู้เสื้อผ้าได้นะคะ มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดออกไประบายอากาศให้ 1 บาน

ห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom มีสุขภัณฑ์ให้ครบ และสุขภัณฑ์เหมือนๆ กันกับห้องน้ำชั้นล่าง
แตกต่างกันที่อ่างล้างหน้าของห้องนี้ใช้ของ Mogen และมีตู้เก็บของด้านล่างมาให้ด้วย

เจาะวัสดุภายในห้องน้ำ
บ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง

บ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง แบบ Mono สังเกตได้ว่าตัวบ้านออกแบบสไตล์ Modern Contemporary
ทันสมัย เน้นสีและกรอบที่ชัดเจน และดีไซน์ประตู หน้าต่างให้มีขนาดกว้างเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าได้สะดวก

ประตูบานเลื่อนเหล็กแบบโปร่งมองเข้าไปเห็นตัวบ้าน

ถังขยะแบบฝังกำแพงตรงหน้าบ้านดูเรียบร้อยสวยงาม

พื้นที่จอดรถสามารถจอดรถได้ 2 คัน มีหลังคากันสาดยาวออกมาให้จอดรถในร่มได้ 1 คัน
ถัดจากเสากั้นสามารถจอดได้อีก 1 คัน แต่ไม่มีหลังคาให้ จะต้องต่อเติมเองค่ะ

พื้นที่ด้านข้างบ้านกว้างที่เดียว

ด้านหน้าบ้านตัวอย่างจะปูหญ้า จัดสวน ลงต้นไม้และทำทางเดินมาให้
ส่วนบ้านเปล่ามาตรฐานจะปูหญ้าให้เต็มพื้นที่ว่างเท่านั้นค่ะ

ข้างบ้านของแต่ละหลังมีขนาดไม่เท่ากันนะคะ แล้วแต่แปลงที่ดินแต่ละแปลงเลย
แต่ส่วนใหญ่แล้ว ทุกแปลงมีพื้นที่พอจัดสวนเล็กๆ และเดินได้รอบๆ บ้านแน่นอนค่ะ

ทางเข้าบ้านสามารถเข้าได้ 2 ทาง คือเข้าจากประตูตรงที่จอดรถ แล้วเข้าได้จากประตูบานเลื่อนที่เป็นทางเข้าหลัก

ประตูบานเลื่อนทางเข้าหลักของบ้าน

เปิดประตูเข้ามาข้างในบ้านจะเจอกับส่วนพักผ่อน รับแขก
มองตรงไปเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนรับแขก

ตรงข้ามโซฟารับแขกคือพื้นที่สำหรับจัดวางทีวี ซึ่งระยะทีวีถึงชุดรับแขกประมาณ 2 เมตรกว่าๆ สามารถวางทีวี
ขนาดใหญ่ ได้เลยนะคะ หรือจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ด้านข้างทีวีเป็นชั้นวางของ ตู้เก็บของแบบบ้านตัวอย่าง
สำหรับใช้ประโยชน์ก็ได้ค่ะ

ตรงข้ามกันจะจัดวางโซฟารับแขกไว้โดย สามารถวางโซฟาแบบตัว L ขนาด 3-4 ที่ก็ได้ เผื่อจะได้นอนดูทีวี
แบบสบายๆ มีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ทำให้มุมนี้ได้รับแสงธรรมชาติทั้งจากหน้าต่าง
และจากประตูด้านหน้าบ้าน ไม่มืดแน่นอนค่ะ

ถัดจากส่วนรับแขกเป็นส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่ส่วนนี้สามารถวางโต๊ะอาหารขนาด 4-6 ที่ได้ค่ะ
มีหน้าต่างบานเลื่อน และประตูบานเลื่อนรับแสงธรรมชาติได้ทั้งสองด้าน ทำให้พื้นที่ส่วนนี้ สว่าง ดูโปร่ง โล่งทีเดียว

ประตูบานเลื่อนเปิดออกไปข้างบ้านได้ และพื้นตรงประตูมีเฉลียงยื่นออกไปเล็กน้อย จะได้เดินเข้า-ออกได้สะดวกขึ้น

เฉลียงด้านข้างบ้านปูด้วยกระเบื้อง และลดระดับลงมาจากพื้นบ้านพอสมควร

ฟังก์ชั่นบ้านชั้นล่าง

ด้านหน้าห้องครัว มีโต๊ะยาวๆ เปรียบเสมือน Pantry ไว้สำหรับเตรียมอาหาร สำหรับบ้านเปล่าจริงๆ ไม่มี Pantry มาให้
จะเป็นพื้นที่โล่งๆ เลย ถ้าหากเราตัดโต๊ะนี้ออกไป ก็จะขยายพื้นที่โต๊ะรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นมาได้อีกค่ะ

ครัวที่นี่เป็นครัวแยก ภายในห้องมีหน้าต่างบานเลื่อนให้ 1 บาน และมีประตูเปิดออกไปลานซักล้างหลังบ้าน

ครัวบิวท์อินเคาน์เตอร์มาให้ครบชุดแบบนี้เลยค่ะ มีซิงค์ล้างจาน Top ผิวลามิเนต ติดตั้งเตาแก๊สมาให้ 2 หัว
ตู้ชั้นวางของด้านบนก็ให้ด้วยค่ะ

ประตูที่เปิดออกไปลานซักล้างหลังบ้าน

เปิดประตูจากครัวออกมาหลังบ้านจะมีลานซักล้างมาให้ พื้นเป็นซีเมนต์ปูกระเบื้อง

กลับเข้ามาดูห้องน้ำชั้นล่างที่อยู่ติดกับครัว ให้สุขภัณฑ์มาครบ หน้าตาเหมือนกับบ้านเปล่ามาตรฐานค่ะ

ส่วนเปียกทำพื้นลดระดับไว้

ถัดจากห้องน้ำ จะเห็นประตูที่เปิดออกไปส่วนที่จอดรถ และลึกเข้าไปข้างใน คือห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ

บันไดทางขึ้นชั้น 2 เป็นบันไดโครงสร้างเหล็กขนาดมาตรฐาน

มีชานพักและช่องแสงขนาดใหญ่ตรงโถงบันได ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาได้ดีทีเดียว

ก่อนถึงชั้น 2 จะมีชานพักเล่นระดับ เป็นทางเข้าห้องนอน 3 ค่ะ

ฟังก์ชั่นของชั้น 2 เริ่มจากห้องนอน 3

ห้องนอน 3 สามารถตกแต่งไว้เป็นห้องนอน ห้องทำงานหรือห้องพักผ่อนอ่านหนังสือก็ได้นะคะ

ภายในห้องวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน และชั้นวางของได้พอดี

โถงชั้น 2

ห้องนอน 2 ทางโครงการตกแต่งเป็นห้องนอนคุณลูกๆ มีพื้นที่พอให้วางตู้และเตียงขนาดเล็ก
ตรงปลายเตียงยังวางโต๊ะอ่านหนังสือได้พอดี

ระยะ ระหว่างเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้า

ห้องน้ำชั้น 2 ใช้แชร์กันระหว่างห้องนอน 2 และห้องนอน 3 มีฟังก์ชั่นเหมือนห้องน้ำชั้นล่าง
แต่มีหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บาน

Master Bedroom ห้องนี้มีฟังก์ชั่นใช้สอยที่ครบครันที่สุดแล้วค่ะ ทั้งพื้นที่วางเตียงขนาดใหญ่ หน้าต่างหลายบาน
ระเบียงส่วนตัว Mini Walk in Closet และห้องน้ำในตัว

มุมนี้เมื่อจัดวางเตียงขนาดใหญ่แล้ว ยังมีพื้นที่เหลือพอวาง โต๊ะขนาดเล็กข้างเตียงได้อีกด้วย ส่วนตรงหัวเตียง
จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 2 บานนะคะ

มองจากมุมนี้จะเห็นประตูบานเลื่อนบานสูง เชื่อมต่อกับหน้าต่างและกระจก หากเปิดผ้าม่านออกทั้งหมดแล้ว
จะทำให้ห้องดูสว่างมาก ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็ยังเหลือพอให้เดินได้สบาย ผนังตรงปลายเตียงจะทำ
โต๊ะวางทีวีบิวท์อินชั้นวางของ หรือโต๊ะทำงานก็ได้นะคะ

ระเบียงส่วนตัวขนาดไม่กว้างมากนัก

ออกมายืนรับลม ชมวิวได้ค่ะ

มองกลับเข้าไปจะเห็น Mini Walk in Closet และทางเข้าห้องน้ำในตัว

พื้นที่ก่อนถึงห้องน้ำตรงนี้ตั้งโต๊ะเครื่องแป้งแบบบ้านตัวอย่าง หรือปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงาน อ่านหนังสือก็ได้นะคะ

ห้องน้ำส่วนตัวก็ให้สุขภัณฑ์ครบเลยค่ะ

พื้นส่วนเปียกลดระดับลงให้เล็กน้อย น้ำจะได้ไม่ไหลย้อนไปส่วนอื่น
ราคาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยประมาณ

ตัวอย่างค่าใช้จ่าย
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ดิน 52.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม.
ราคาปกติ 4.98 ล้านบาท ราคาพิเศษ 4.59 บาท
เงินจอง 20,000 บาท
เงินทำสัญญา 80,000 บาท
รวมเงินดาวน์ 100,000 บาท
ผ่อนธนาคาร MRR = 6%
- 25 ปี 28,300 บาท
- 30 ปี 26,400 บาท

หมายเหตุ
1. กำหนด ทำสัญญาภายใน 7 วันนับจากวันจอง และโอนกรรมสิทธิ์ทันทีเมื่อบ้านสร้างเสร็จ
2. ค่าบริการสาธารณะจัดเก็บตารางวาละ 25 บาท ชำระล่วงหน้า 2 ปี
3. ค่าธรรมเนียมและค่าอากรในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อและผู้ขายชำระเท่ากันทั้งสองฝ่าย
4. ค่าติดตั้งและเงินประกันการติดตั้งมิเตอร์ประปา, มิเตอร์ไฟฟ้า และค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
5. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคา และเงื่อนไขข้างยต้น โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

3
เครื่องมือกันฟันล้ม สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้เท่าการจัดฟันเด็กหรือไม่
 
การจัดฟันในเด็ก เป็นการแก้ไขปัญหาในเด็กที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเด็กไทยส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม เพราะเด็กชอบรับประทานอาหารที่มีความหวาน เช่น ขนม คุกกี้และลูกอมต่างๆ รวมไปถึงน้ำหวาน ซึ่งเป้นอาหารที่ทำให้เกิดฟันผุ และยิ่งถ้าไม่ได้รับดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี แน่นอนว่า จะทำให้เกิดฟันผุได้อย่างแน่นอน เด็กบางคนเกิดฟันผุตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม ซึ่งการที่ฟันน้ำนมหลุดก่อนวัยอันควรนั้น ส่งผลต่อลักษณะของการขึ้นของฟันแท้

ซึ่งจะทำให้เกิดความผิดปกติ เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันล้ม ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้น สามารถแก้ไขได้ ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์ ซึ่งทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก็จะทำการแนะนำให้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่ถ้าหากเด็กมีปัญหาฟันล้ม ทันตแพทย์อาจจะแนะนำได้ใช้เครื่องมือกันฟันล้ม ซึ่งต้องบอกว่า สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน พ่อแม่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักกับเครื่องมือกันฟันล้ม ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเครื่องมือกันฟันล้มว่าเป้นอย่างไร และเครื่องมือกันฟันล้มนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กเทียบเท่ากับการจัดฟันในเด็กหรือไม่
 
ก่อนอื่นเราจะมาแนะนำเกี่ยวกับเครื่องมือกันฟันล้มก่อนสำหรับเครื่องมือกันฟันล้มนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โดยปกติฟันแท้ที่จะขึ้นมาแทนฟันกรามน้ำนมในช่วงอายุ 11-12 ปี หากต้องถอนฟันกรามน้ำนมไปก่อนเวลาฟันแท้ขึ้นมากกว่า 1 ปี เด็กควรจะใส่เครื่องมือกันฟันล้ม เพื่อป้องกันปัญหาฟันแท้ขึ้นไม่ได้ ซึ่งตัวเครื่องมือกันฟันล้ม มีลักษณะเป็นวงแหวนสีเงินสวมลงบนฟัน และมีลวดเล็กๆดัดโค้งมาแตะฟันซี่ด้านหน้าเพื่อค้ำยันไว้ไม่ให้ฟันขยับเข้าหากัน อาจเป็นเพียงชิ้นเล็กๆข้างเดียว หรือเป็นแบบสองข้างซ้ายขวา

ก็จะขึ้นกับจำนวนฟันและตำแหน่งฟันน้ำนมที่ถูกถอนไป เครื่องมือนี้ทำได้ไม่ยาก และไม่ทำให้รู้สึกเจ็บเลย เพราะไม่มีแรงใดๆกระทำต่อตัวฟัน ตัวแหวนสีเงินยึดกับฟันด้วยวัสดุทันตกรรม ซึ่งเด็กจะถอดออกเองไม่ได้ แต่ถอดได้โดยเครื่องมือของทันตแพทย์เท่านั้น แต่เครื่องมือกันฟันล้มก็จะมีด้วยกัน 2รูปแบบ คือแบบถอดเองได้ กับแบบติดแน่น โดยจะทำงานช่วยรักษาระยะห่างระหว่างฟันเอาไว้ไม่ให้ลดลงหรือหายไปเพื่อให้ฟันแท้ในตำแหน่งนั้นสามารถขึ้นได้ โดยมีทั้งที่ทำจากโลหะและอะคริลิก ช่วยรักษาช่องว่าง ช่วยให้ฟันแท้ขึ้นได้และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ป้องกันปัญหาฟันเกหรือฟันขึ้นผิดที่ได้


หากถามว่า การใส่เครื่องมือกันฟันล้ม กับการเข้ารับการจัดฟันในเด็กนั้น แบบไหนดีกว่า อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล แต่ถ้าหากถามว่า เครื่องมือกันฟันล้ม สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้เท่ากับการจัดฟันในเด็กหรือไม่ อันนี้ต้องบอกว่า ในแง่ของการแก้ไขปัญหาฟันในเด็ก การเข้ารับการจัดฟันจะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้หลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาฟัน ปัญหากล้ามเนื้อใบหน้า และสามาช่วยปรับตำแหน่งลิ้นได้ด้วย ซึ่งการจัดฟันในเด็ก จะแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า สำหรับการปัญหาฟันของเด็ก และยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวรด้วย
 
นอกจากนี้ ข้อดีของการจัดฟันในเด็ก ยังช่วยทำให้เด็กออกเสียงได้ชัดขึ้น สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดียิ่งขึ้นซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของเด็กด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือ ข้อดีที่มาพร้อมกับการจัดฟันในเด็ก ที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะยังคิดไม่ถึงว่าการจัดฟันในเด็กนั้นมีประโยชน์ต่อบุตรหลานของท่านมากเลยทีเดียว

สำหรับใครที่อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก จากประสบการณ์อย่างยาวนานในวงการทันตกรรมทำให้สามารถให้คำปรึกษาและช่วยแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนมีทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



5
ปล่อยรถผู้บริหาร FORD EVEREST 2.0 BI-TURBO TITANIUM+ 4WD ปี 2022

ฟอร์ด Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT ปี 2022
Ford Everest t 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT มาพร้อมการออกแบบที่สมบุกสมบัน โดยที่ยังคงความเรียบหรู ระยะฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร และระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้น สร้างรูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนกว่าเดิม และยังมอบการควบคุมบนทางเรียบได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่การปรับแต่งโช้คอัพใหม่ช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่และช่วยให้การควบคุมรถทั้งบนทางเรียบและออฟโรดทำได้ง่ายกว่าที่เคย ด้านระบบส่งกำลังและแรงบิด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว หรือเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด 

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 9 พ.ค. - 31 พ.ค. 2568
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.29% ตลอดอายุสัญญา, ยอดจัดไม่เกิน 300,000 - 600,000
ผ่อนสูงสุด 84 เดือน,ค่าดำเนินการแคมเปญ 20,000 บาท (รวมในยอดจัดได้)

ราคาพิเศษ 894,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                   ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
ขนาดเครื่องยนต์ (CC)     1,996 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)  210 แรงม้า
ระบบเกียร์                    เกียร์อัตโนมัติ 10AT
รูปแบบเกียร์                 แบบ Electronic Shifter
ระบบเบรค ABS            มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบ G-Sensor)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง     ดีเซล,ไบโอดีเซล B5
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)      N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน             หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น คอมมอนเรล
น้ำหนักตัวรถ                     -
ประเภทยางรถยนต์              -
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน              ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Terrain Mangement System พร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่)


6
3 จุดสำคัญในโรงงานที่ควรติดตั้งฉนวนกันความร้อน

ผู้ประกอบการหลายๆ คนมักมองข้ามการติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน เพราะรู้สึกว่าเป็นการลงทุนที่สิ้นเปลือง มองไม่เห็นผลประโยชน์ชัดเจนที่จะเกิดขึ้นต่อธุรกิจ และรู้สึกว่าเลือกที่จะเปิดเครื่องปรับอากาศแทนดีกว่า

แต่ในความเป็นจริงแล้ว การติดตั้งฉนวนกันความร้อนในโรงงานอุตสาหกรรม มีผลดีต่อธุรกิจอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ประหยัดไฟได้โดยตรงแล้ว

ยังส่งผลทำให้เครื่องจักรต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ชำรุดเสียหายง่ายอีกด้วย ทั้งนี้ ในพื้นที่โรงงานนั้น มีจุดที่ควรติดตั้งฉนวนกันความร้อนอยู่สำคัญๆ 3 จุดด้วยกัน ได้แก่

1.บริเวณหลังคาโรงงานอุตสาหกรรม

ถือเป็นพื้นที่รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และถูกแสงแดดสาดส่องตลอดทั้งวัน จึงทำให้สะสมความร้อนเอาไว้มากและแพร่กระจายเข้าสู่ภายในโรงงาน ทำให้อุณหภูมิภายในโรงงานอุตสาหกรรมร้อนอบอ้าวได้ง่าย ยิ่งกับหลังคาเหล็กที่ดูดซับความร้อนได้ดีแล้ว ก็ยิ่งทำให้โรงงานมีโอกาสร้อนมากขึ้น

ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเครื่องจักรและเครื่องปรับอากาศโดยตรง ที่ต้องทำงานหนักขึ้น กินไฟมากขึ้น และเสี่ยงชำรุดเสียหายได้ง่าย หากยังปล่อยให้หลังคาโรงงานดูดซับความร้อนเป็นจำนวนมาก

แนวทางแก้ไข: ติดตั้งฉนวนกันความร้อน อาทิ ฉนวนกันความร้อน สำหรับหลังคาโรงงาน ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนที่สะสมบริเวณหลังคาทะลุผ่านมาได้ ทำให้บรรยากาศในโรงงานเย็นสบายมากขึ้น เครื่องจักรและเครื่องปรับอากาศทำงานเบาลง ประหยัดไฟได้มากขึ้น


2.ระบบปรับอากาศของโรงงานอุตสาหกรรม

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จะใช้ระบบปรับอากาศแบบท่อ ซึ่งก่อให้เกิดความร้อนได้มาก ยิ่งบวกรวมกับความร้อนจากภายนอกสะสมเข้าไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ระบบปรับอากาศมีความร้อนสูงขึ้น

ทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ จากที่ควรจะเป็นลมเย็น ก็กลายเป็นลงร้อนแทน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานที่อาจเกิดชำรุดเสียหายได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งยังสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย

แนวทางแก้ไข: ติดตั้งฉนวนกันความร้อนสำหรับระบบปรับอากาศ ที่มีทั้งฉนวนสำหรับบุในท่อลม และหุ้มท่อลมด้านนอก ซึ่งจะช่วยกันความร้อนทั้งจากภายในและภายนอกได้ดีขึ้น ช่วยรักษาอุณหภูมิในท่อระบบปรับอากาศให้มีความเย็นสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งาน และช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น


3.เครื่องจักรต่างๆ ภายในโรงงาน

นอกจากหลังคา และระบบปรับอากาศแล้ว อีกจุดพื้นที่สำคัญที่ควรติดตั้งฉนวนกันความร้อนในโรงงาน ก็คือ บริเวณตัวเครื่องจักร และห้องเครื่องจักร เพราะเราต้องไม่ลืมว่า เครื่องจักรจะต้องทำงานตลอดเวลา และใช้ระบบไฟฟ้าจำนวนมากในการขับเคลื่อน ยิ่งมีการผลิตมากเท่าไร เครื่องจักรก็ยิ่งทำงานหนักและปล่อยความร้อนออกมามากขึ้น

ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้บรรยากาศภาพรวมของโรงงานร้อนขึ้นได้แล้ว ก็ยังส่งผลโดยตรงต่อสภาพความสมบูรณ์ของเครื่องจักรที่เสี่ยงชำรุดเสียหายได้ง่ายมากขึ้นด้วยหากใช้งานหนักและมีความร้อนสูงเกินไป

แนวทางแก้ไข: ติดตั้งฉนวนกันความร้อนสำหรับงานทนอุณหภูมิสูงให้กับเครื่องจักร หรือห้องเครื่องจักร ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบม้วนและแบบแผ่น ใช้สามารถปรับใช้กับลักษณะการใช้งานได้สะดวก ซึ่งเมื่อติดตั้งแล้วก็จะช่วยลดระดับความร้อนได้มากขึ้น ส่งผลทำให้อุณหภูมิในห้องเครื่องจักรเย็นขึ้น เครื่องจักรทำงานสบายขึ้น ประหยัดไฟได้มากขึ้น

ฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ได้รับการคิดค้นขึ้นมาให้ใช้งานกับโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ผลิตจากฉนวนใยแก้วที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้

7
บริการด้านอาหาร: รับประทานควินัวอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ
 
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ถือเป็นเทรนอาหารที่เกิดขึ้นมาหลายปีและยังคงอยู่ตามกระแสรักสุขภาพในตอนนี้ โดยคำนึงถึงปัจจัย 5 ประการ คือ มีปริมาณน้ำตาลน้อย ไขมันอิ่มตัวต่ำ ไขมันรวมต่ำ มีใยอาหาร และมีโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งปัจจุบัน คนเริ่มหันมาใส่ใจนเรื่องของสุขาพมากกขึ้น ทำให้เกิดกระแสวิธีการรับประทานอาหารหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานคลีน หรือรับประทานควินัว


ซึ่งเรียกได้ว่า กำลังมาแรงมาก ซึ่งควินัว ก็คือ เมล็ดธัญพืชชนิดหนึ่ง หรือพืชตระกูลข้าว มีลักษณะเป็นเมล็ดกลมๆ อยู่ในจำพวกเดียวกับข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ผักปวยเล้ง และหัวบีท เป็นอาหารชั้นเลิศที่สามารถทดแทนข้าวและธัญพืชอื่น ๆ ได้ เพราะมีโปรตีนสูง และควินัวอุดมด้วยสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างมาก และเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง อุดมไปด้วยไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร จึงทำให้ย่อยง่าย กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนัก และช่วยให้ขับถ่ายได้ดี ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงการรับประทานควินัวให้ดีต่อสุขภาพ และได้รับประโยชน์มากที่สุด ซึ่งบางคนก้อาจจะยังไม่ทรายว่า การรับประทานควินัวนั้นเป็นอย่างไร หรือรับประทานอย่างไร ซึ่งเราจะมาหาคำตอบได้จากบทความนี้
 
สำหรับประโยชน์ในการรับประทานควินัวนั้น มีมากมายหลายอย่าง เพราะควินัวมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง อุดมไปด้วยไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคริดสีดวงทวาร หรือโรคลำไส้ต่างๆ ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนาน และปรับสมดุลของระดับน้ำตาลภายในเลือด


ช่วยลดระดับไขมันชนิดไม่ดีในเลือด ช่วยขจัดคราบไขมันชนิดไม่ดีที่เกาะอยู่ตามผนังลำไส้ และอีกมากมาย รวมไปถึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เนื่องจากควินัวมีโปรตีนปริมาณมากเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารที่คล้ายคลึงกันอย่างข้าว ข้าวโพด และธัญพืชไม่ขัดสี ช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยลดความหิว และอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคอ้วนและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง


สำหรับวิธีการรับประทานควินัวอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพนั้น ก่อนนำควินัวมาปรุงอาหารทุกครั้ง ควรล้างควินัวด้วยน้ำสะอาดเพื่อกำจัดสารตกค้างและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออก จากนั้นนำควินัวใส่ลงในตะแกรงแล้วล้างโดยให้น้ำไหลผ่าน สะเด็ดน้ำออกแล้วนำควินัวลงไปคั่วในกระทะประมาณ 5 นาที ก่อนนำไปต้มหรืออบเพื่อรสชาติและกลิ่นหอมเหมาะแก่การรับประทาน นอกจากนี้ เคล็ดลับที่จะช่วยเพิ่มความอร่อยและเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารในควินัวได้ เราสามารถผัดควินัวกับผักต่าง ๆ เช่น พริกหวาน และใบโหระพา เป็นต้น หรือใส่ควินัวลงในสลัดพร้อมกับเกรปฟรุต อัลมอนด์ และใบสะระแหน่ หรือจะทำเป็นของหวานที่มีควินัวเป็นส่วนประกอบ เช่น พุดดิ้ง และแพนเค้ก เป็นต้น ก็จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารและเพิ่มความอร่อยได้

อย่างไรก็ตามควรรับประทานควินัวในปริมาณที่เหมาะสมเสมอ เพราะสารไฟเตตในควินัวอาจยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญบางชนิด เช่น ธาตุเหล็กและสังกะสี นอกจากนี้ การรับประทานควินัวอาจมีส่วนทำให้แร่ธาตุต่าง ๆ รวมตัวกันจนเกิดเป็นนิ่วในไตได้ ส่วนการรับประทานควินัวในหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตรนั้น ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุถึงด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพได้อย่างแน่ชัด ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรก็ควรรับประทานธัญพืชชนิดนี้ด้วยความระมัดระวัง
 
 
เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการรับประทานอาหารที่ดี ทางเราเน้นย้ำมาตลอดว่า ควรที่จะรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม และต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่  โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว ต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารให้มากเป็นพิเศษ และต้องรับประทานอาหารให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย หรือถ้าหากอยากรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เราก็ต้องศึกษารายละเอียดเพื่อที่จะได้รับประทานได้อย่างถูกวิธี  ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรงเพื่อที่จะได้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ

8
หมอออนไลน์: กระเพาะหรือลำไส้อุดกั้น (Gastrointestinal/Gut obstruction)

ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่อุดกั้น ถ้าอุดกั้นที่ลำไส้เล็กมักมีอาการปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ที่บริเวณรอบ ๆ สะดือ และอาเจียนพุ่งรุนแรงติด ๆ กัน มักมีเศษอาหารหรือน้ำดี (สีเขียวและขม) ออกมา

ถ้าอุดกั้นที่ลำไส้ใหญ่มักไม่มีอาการอาเจียน หรือไม่ก็มีเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ไม่ว่าการอุดกั้นจะเกิดตรงตำแหน่งใด ๆ ถ้าการอุดกั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์ มักมีอาการท้องผูกร่วมด้วยเสมอ อาจไม่มีการผายลมเลยถ้าอุดกั้นอย่างสมบูรณ์ที่ลำไส้ใหญ่

อาการท้องอืดอาจไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่ต่อมาจะค่อย ๆ มีมากขึ้น

ถ้าเป็นอยู่หลายวันมักมีภาวะขาดน้ำ และอาจมีภาวะช็อก (เหงื่อออก ตัวเย็น กระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ ปัสสาวะออกน้อย)

บางครั้งอาจมองเห็นการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่หน้าท้อง

เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจที่หน้าท้องจะได้ยินเสียงโครกครากของลำไส้ติดกันถี่ ๆ เป็นเสียงแหลม และถ้าเขย่าท้องอาจได้ยินเสียงเหมือนน้ำกระฉอก

อาจพบรอยแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง หรือก้อนนูนของไส้เลื่อนที่บริเวณขาหนีบ หรือถุงอัณฑะ

ในทารกที่เกิดจากกระเพาะส่วนปลายตีบ จะมีอาการอาเจียนพุ่งแรงออกมาเป็นเศษนมมีกลิ่นเหม็นในระยะแรกเด็กยังรู้สึกหิวและเคลื่อนไหวแข็งแรง อาการอาเจียนจะเป็นอยู่เรื่อย ๆ จนต่อมาเด็กจะน้ำหนักลด กระสับกระส่าย และถ่ายอุจจาระน้อยลงเรื่อย ๆ สังเกตที่หน้าท้องมักพบการเคลื่อนไหวของลำไส้ และอาจคลำได้ก้อนที่บริเวณส่วนปลายของกระเพาะอาหาร

ถ้าไม่ได้รับการรักษาเด็กจะมีภาวะขาดน้ำ ซึม ชักและตายได้

ในเด็กที่เกิดจากลำไส้กลืนกันเอง มักมีอาการปวดท้องรุนแรงเป็นพัก ๆ (ถ้าเป็นในทารกจะมีอาการร้องไห้เสียงดังนานหลายนาที เว้นช่วงเงียบไปพักหนึ่งแล้วร้องขึ้นอีก) และอาจมีอาการอาเจียน บางครั้งอาจถ่ายเป็นมูกปนเลือดคล้ายเยลลี่

9
มอเตอร์โชว์: GWM จัดทัพยนตรกรรมกว่า 40 รุ่น จาก 6 แบรนด์หลัก ในงาน Auto Shanghai 2025 สะท้อนการเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

GWM ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM สร้างความตื่นตาตื่นใจในงาน Shanghai International Automobile Industry Exhibition ครั้งที่ 21 (Auto Shanghai 2025) ด้วยการนำเสนอทัพยนตรกรรมกว่า 40 รุ่นจาก 6 แบรนด์หลัก ได้แก่ GWM HAVAL, GWM WEY, GWM TANK, GWM ORA, GWM POER และ GWM SOUO Motorcycles ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Tech GWM, Off-Road GWM, Global GWM” ที่สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของแบรนด์ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน พร้อมทั้งเปิดตัวโลโก้แบรนด์ใหม่ “GWM” เพื่อสื่อถึงแนวคิดระดับโลกอย่าง “GWM Go With More” ซึ่งสะท้อนถึงการขยายการเติบโตในระดับโลกอย่างไม่หยุดยั้ง ตอกย้ำภาพลักษณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พลังงานทางเลือกที่หลากหลายและครอบคลุม และระบบนิเวศของไลฟ์สไตล์ยานยนต์อัจฉริยะของ GWM ได้อย่างครบวงจร
 

GWM ขนนวัตกรรมที่ล้ำหน้ามากมายไปจัดแสดง โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Smart Living และกลุ่ม Off-Road Machines เพื่อนำเสนออนาคตแห่งการเดินทางที่ตอบความต้องการของผู้คนยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ สำหรับ Smart Living คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยยนตรกรรมจาก 3 ตระกูล ได้แก่ GWM HAVAL, GWM WEY และ GWM ORA ซึ่งมีรุ่นไฮไลต์ ได้แก่ GWM HAVAL B26 รถเอสยูวีรูปทรง BOXY เครื่องยนต์ไฮบริด 1.5T เจเนอเรชันใหม่ พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อไฮบริดอัจฉริยะ Hi4 รุ่นล่าสุด มอบทั้งสมรรถนะการขับขี่และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 7 โหมด ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS ระดับ L2 และฟีเจอร์จอดรถอัตโนมัติที่รองรับการจอดที่ซับซ้อนกว่า 40 รูปแบบ และเทคโนโลยีภายในล้ำสมัยอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานกิจกรรมกลางแจ้งด้วยอุปกรณ์เสริมเฉพาะทางอย่าง ไฟแคมป์ปิ้ง และม่านบังแดดท้ายรถ รวมถึงมีระบบจ่ายไฟภายนอก 3.3 กิโลวัตต์ ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในเมืองและการผจญภัยออฟโรดอย่างแท้จริง

ขณะที่ GWM ORA07 Touring Edition เป็นการผสมผสานแฟชั่น ความอัจฉริยะ และความกว้างขวาง มาพร้อมระบบ lidar และระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ NOA (Navigation on Autopilot) ทำให้ผู้ใช้งานขับขี่ได้อย่างมั่นใจทั้งบนทางด่วนและในเมือง

นอกจากนี้เพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งานเพื่อการเดินทางแบบครอบครัวและนักธุรกิจ ALL NEW GWM WEY 80 ได้เปิดตัวทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ GWM WEY80 7, GWM WEY80 8 และ GWM WEY80 9 ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Hi4 Performance version ระบบช่วยขับ Coffee Pilot Ultra และ Coffee OS 3.2 สมาร์ทค็อกพิตรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างส้นหลามด้วยยอดจองถล่มทลายไปกว่า 7,848 คัน ภายใน 24 ชั่วโมงแรก

สำหรับกลุ่ม Off-Road Machines ครอบคลุมไปด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล GWM TANK, GWM POER และ GWM SOUO Motorcycles เอาใจสายลุยผู้ชื่นชอบการเดินทางเพื่อประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทาย ผ่านยนตรกรรมออฟโรดด้วยสมรรถนะที่แข็งแกร่ง ดุดัน และพลังอันเปี่ยมล้น โดยยนตรกรรมไฮไลต์ที่โดดเด่นในกลุ่มนี้ ได้แก่ GWM TANK 300 Hook Edition รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสมรรถนะสูง พัฒนาร่วมกับเส้นทางออฟโรดระดับโลก “Hook Route” เพื่อพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก

รวมถึง GWM POER SAHAR Hi4-T รถกระบะพรีเมียมสายออฟโรดพลังงานใหม่ที่เผยโฉมทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Global Edition และรุ่น Performance Edition สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดซุปเปอร์ไฮบริด Hi4-T และ Shanhai POER Hi4-T ผสมผสานพลังที่แข็งแกร่ง ประสิทธิภาพไฟฟ้าแรงกล้า และการประหยัดน้ำมันมากกว่าที่เคย

และตื่นตาตื่นใจไปกับยนตรกรรมสองล้อหนึ่งเดียวของ GWM กับ GWM SOUO Motorcycles บิ๊กไบค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเหล่านักบิดสายทัวร์ริ่งเปิดตัว GWM SOUO S2000GL “Tengyun Ruishi” Limited Edition ซึ่งมีเครื่องยนต์ Flat 8 แบบแนวนอน จับคู่กับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Dual-Clutch 8 สปีด มาพร้อมกับคุณสมบัติล้ำสมัย เช่น ชิปเซ็ต 8155 และแผงหน้าปัดสมาร์ทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว มอบสมรรถนะที่ทรงพลังและประสบการณ์การขับขี่ระดับไฮเอนด์ที่ทนทานเหนือระดับ

มู่ เฟิง ประธาน GWM กล่าวว่า “ในปี 2025 GWM จะเดินหน้าสู่หมุดหมายสำคัญด้วยการผลิตรถยนต์คันที่ 15 ล้าน นับเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของการพัฒนาแบรนด์สู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันในปีนี้ยังถือเป็นปีแรกของการเดินหน้ากลยุทธ์ ‘One GWM’ อย่างเป็นทางการ โดยยึดแนวทางการเติบโตแบบระบบนิเวศควบคู่กับการขยายการเติบโตในระดับท้องถิ่นเพื่อก้าวเข้าสู่สู่ตลาดโลกอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงดีเอ็นเอสายลุยที่เป็นเอกลักษณ์ของ GWM ไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างไลฟ์สไตล์แห่งอนาคตที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงกับผู้คนเพื่อช่วยให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น”


ภายในงาน GWM ยังได้ร่วมมือกับ Cerence AI เปิดตัวประสบการณ์ค็อกพิตอัจฉริยะแบบใหม่ภายในรถยนต์ ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์ม Cerence xUI™ ซึ่งเป็นระบบ AI แบบ agentic ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติ การสาธิตครั้งนี้จัดขึ้นภายในรถยนต์ของ GWM เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของประสบการณ์ภายในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ซึ่งทำงานผสานกันอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์ภายในรถยนต์และระบบคลาวด์ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัย เชื่อมต่อ และเข้าใจผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทของ GWM ในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่ไม่เพียงขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม แต่ยังให้ความสำคัญกับการยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางอีกด้วย

ปัจจุบัน GWM มีช่องทางการขายในต่างประเทศมากกว่า 1,400 แห่ง และมีฐานผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 15 ล้านคน โดยในปี 2024 GWM มียอดขายรถใหม่รวม 1,233,292 คัน และมียอดขายในตลาดต่างประเทศถึง 453,141 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ามากถึง 43.39% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ GWM โดยแบรนด์จะยังคงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ “Ecological Globalization” ที่ครอบคลุมการวิจัยและพัฒนา การผลิต ซัพพลายเชน การขาย และบริการไปยังตลาดต่างประเทศอย่างครบวงจร เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมระดับโลกที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ ตอกย้ำจุดยืนของ GWM ในการขับเคลื่อนแบรนด์สู่มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
ปล่อยรถไมล์น้อย BMW 320Li ปี 2023 โปรโมชั่นราคาพิเศษ

บีเอ็มดับเบิลยู BMW Series 3 320Li M Sport ปี 2023
BMW 320Li M Sport  ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350 – 4,400 รอบต่อนาที โลดแล่นด้วยความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.9 วินาที มอบความเร็วสูงสุดที่ 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 20 พ.ค. - 31 พ.ค. 2568
Bsi ถึง 27/3/29
Warranty ถึง 27/3/29

ราคาพิเศษ 1,990,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                     เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 5,000 - 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350 - 4,000 รอบต่อนาที

ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       1,998 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    184 แรงม้า
ระบบเกียร์                      เกียร์ออโต้ 8AT
รูปแบบเกียร์                    พร้อม Sport Steptronic
ระบบเบรค ABS               มี (พร้อมระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) และระบบช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง       เบนซิน 95,เบนซิน 91,แก๊สโซฮอล์ 95 (E10),แก๊สโซฮอล์ 91
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)        N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน                Injection
น้ำหนักตัวรถ                     -
ประเภทยางรถยนต์              -
ขนาดล้อ (นิ้ว)                 ล้ออัลลอย (ขนาด 18 นิ้ว ลาย V-spoke แบบสลับสี)
ระบบขับเคลื่อน                 ขับเคลื่อนล้อหลัง


12
ตรวจโรค: สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก (Foreign body in the nose)

สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก มักพบในเด็กเล็กที่เล่นซนนำสิ่งแปลกปลอม (เช่น เมล็ดผลไม้ เศษอาหาร เศษยางลบ เศษกระดาษ  กระดุม ลูกปัด ชิ้นส่วนของเล่น ถ่านกระดุม เป็นต้น) แยงเข้าไปคาอยู่ในรูจมูก ภาวะนี้พบบ่อยในเด็กอายุ 2-5 ปี

เด็กโตอาจบอกพ่อแม่ได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดในรูจมูก แต่เด็กเล็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ อาจแสดงอาการกระสับกระส่าย และมีอาการผิดสังเกตอื่น ๆ

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก และปล่อยทิ้งไว้หลายวัน ก็จะทำให้เยื่อจมูกเกิดการอักเสบ และมีภาวะแทรกซ้อนตามมา

สาเหตุ

เกิดจากความไม่รู้ การเล่นซน หรือความประมาทเลินเล่อ


อาการ

เด็กจะมีอาการคัดจมูก แน่นจมูก ในข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้างเดียว) หรือหายใจผ่านรูจมูกได้สะดวกเพียงข้างเดียว หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หรือหายใจทางปาก อาจมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวกับจมูกข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม หรือมีอาการไอบ่อย (เนื่องจากมีน้ำมูกไหลลงคอ เกิดการระคายคอ) เด็กเล็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ อาจแสดงอาการกระสับกระส่าย ใช้นิ้วแหย่ แคะ หรือดันจมูกบ่อย ๆ

ในระยะแรกอาจมีอาการของเหลวคล้ายน้ำมูกไหลออกจากจมูก อาจมีลักษณะใส หรือสีเทา หรือมีเลือดปน หรือมีเลือดกำเดาไหล ต่อมาจะมีอาการหายใจมีกลิ่นเหม็น และจมูกข้างที่มีสิ่งแปลกปลอม (มักเป็นข้างเดียว) มีน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียว หรือมีลักษณะเป็นหนองหรือเลือดปนหนอง และอาจมีไข้ร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยไว้มักทำให้เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น แผลที่เยื่อเมือกจมูก ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน เนื้อเยื่อรอบกระบอกตาอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น

ถ้าสิ่งแปลกปลอมหลุดลงไปในหลอดลม ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในหลอดลมและปอด เช่น ปอดอักเสบ หลอดลมพอง ปอดแฟบ ฝีในปอด เป็นต้น

สำหรับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นถ่านกระดุม (button battery ซึ่งใช้กับของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ) หากปล่อยไว้สารเคมีในถ่านอาจรั่วไหลออกมาทำลายเนื้อเยื่อในโพรงจมูก เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น แผลที่เยื่อเมือกจมูกหรือผนังจมูก ผนังจมูกทะลุ โพรงจมูกตีบ ปีกจมูกยุบ เป็นต้น อันตรายจากถ่านกระดุมนี้มักเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง (อาจพบได้เร็วสุดหลังเกิดเหตุเพียง 1-2 ชั่วโมง)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

ตรวจพบจมูกข้างหนึ่งมีของเหลวคล้ายน้ำมูกไหล หรือมีน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียว หรือมีลักษณะเป็นหนองหรือเลือดปนหนอง หรือมีเลือดกำเดาไหล บางรายอาจตรวจพบอาการที่จมูกทั้ง 2 ข้าง หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หรือมีไข้

เมื่อเอาไฟฉายส่องดู อาจพบสิ่งแปลกปลอมคาอยู่ในรูจมูกจมูกข้างหนึ่ง

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ใช้กล้องส่องตรวจจมูก (rhinoscopy) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

1. เอาสิ่งแปลกปลอมออก 

    หากสิ่งแปลกปลอมอยู่ไม่ลึก ใช้ลวดเล็ก ๆ ตรงปลายงอเล็กน้อยแยงรอดใต้สิ่งแปลกปลอมจนพ้นขอบหลังสุด แล้วเกี่ยวเอาออก
    ถ้าสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก ใช้เครื่องมือจับ คีบ เขี่ย หรือดูดออก 

2. ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น โคอะม็อกซิคลาฟ, อะม็อกซีซิลลิน, ร็อกซิโทรไมซิน หรือโคไตรม็อกซาโซล นาน 7-10 วัน

ผลการรักษา ส่วนใหญ่สามารถเอาสิ่งแปลกปลอมออกและไม่มีภาวะแทรกซ้อนตามมา ส่วนน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมคาอยู่นาน เกิดจากถ่านกระดุมเข้าจมูก หรือสิ่งแปลกปลอมหลุดลงไปในหลอดลม มักมีความยุ่งยากในการรักษา และอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้


การดูแลตนเอง

1. หากพบตั้งแต่แรก ยังไม่มีอาการผิดปกติ และมองเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ตื้น ๆ ให้ทำการปฐมพยาบาลดังนี้

    ให้เด็กสั่งน้ำมูกแรง ๆ โดยปิดรูจมูกข้างที่ปกติ หรือใช้ปากคีบหรือแหนบค่อย ๆ คีบวัตถุนั้นออก ระวังอย่าดันให้วัตถุลึกเข้าไปในจมูก ห้ามใช้นิ้วมือ ไม้พันสำลี หรืออุปกรณ์ใด ๆ พยายามเขี่ยเอาสิ่งแปลกปลอมออก เพราะอาจดันให้สิ่งแปลกปลอมลึกเข้าไป
    ถ้าเด็กอยู่ไม่นิ่ง หรือไม่ให้ความร่วมมือ หรือทำการปฐมพยาบาลดังกล่าวไม่ได้ผล ควรไปพบแพทย์

2. ควรรีบไปพบแพทย์ ถ้าพบว่าสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึก หรือไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม หรือมีอาการน้ำมูกเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น ควรไปพบแพทย์ด่วน ถ้าเกิดจากถ่านกระดุมเข้าจมูก

ทำการดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ ไปพบแพทย์ตามนัด และกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการผิดปกติ (เช่น มีไข้ ปวดจมูก มีน้ำมูกเป็นหนองหรือมีเลือดออก) หรือสงสัยเกิดอาการข้างเคียงจากยาที่รักษา


การป้องกัน

คอยระมัดระวัง เก็บเศษวัตถุ (รวมทั้งถ่านกระดุม) ทิ้ง ไม่ให้เด็กหยิบได้

ห้ามปรามและคอยเฝ้าระวังไม่ให้เด็กเล็กเล่นซนเอาสิ่งแปลกปลอม (เช่น เมล็ดผลไม้ เศษอาหาร เศษยางลบ กระดุม ลูกปัด) แหย่ใส่เข้าไปในจมูก


ข้อแนะนำ

หากมีอาการน้ำมูกเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบในเด็กเล็ก อาจเกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูกได้ ควรพบแพทย์เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก

13
bigbike คาวาซากิ Kawasaki Ninja ZX-6R ปี 2025
399,000 บาท

คาวาซากิ Kawasaki Ninja ZX-6R ปี 2025
Ninja ZX-6R ปี 2025 สปอร์ต 636 ซีซี 4 สูบเรียงที่ล้ำกว่าใครในคลาสของคาวาซากิสำหรับผู้ที่หลงไหลในรถซุปเปอร์สปอร์ต ด้วยการออกแบบที่สืบทอดดีเอ็นเอของตระกูลนินจามาโดยตรง โดยยังคำนึงถึงอากาศพลศาสตร์ จึงออกมาเป็นแฟริ่งหน้าและแฟริ่งข้างที่โฉบเฉี่ยว สะดุดตาและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่อีกด้วย ในส่วนของเครื่องยนต์ก็ให้กำลังแรงบิดในรอบต่ำ-กลางอันทรงพลัง นอกจากจะให้สมรรถนะที่ดีกว่าในทุกย่านความเร็วเมื่อขับขี่แบบสปอร์ตไม่ว่าจะเป็นเส้นทางบนเขาหรือในสนามแข่งแล้ว แรงบิดที่ทรงพลังกว่าในรอบเครื่องยนต์ต่ำและกลางนี้ ยังช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันบนถนนได้ในทุกสถานการณ์ มาในครั้งนี้ พร้อมกับสีใหม่ล่าสุด Metallic Matte Dark Gray/Ebony สีเทาเข้มด้านสุดเท่ จำนวนจำกัด ราคาเดียวกันกับสีเขียวที่ 399,000 บาท

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                    Kawasaki
   รุ่น                         คาวาซากิ Kawasaki Ninja ZX-6R ปี 2025
   ประเภทรถ                 รถสปอร์ตขนาดใหญ่, Sport Bigbike
   ปีที่เปิดตัว                 2025
   ราคา                      399,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์           เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์             6-speed, return
   รายละเอียดเครื่องยนต์       4 สูบ 4 จังหวะ DOHC 16 วาล์ว
   ระบบระบายความร้อน           น้ำ
   ระบบสตาร์ท                  สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      636 CC
   แบบเครื่องยนต์               4 จังหวะ (Fuel injection: 38 mm x 4 with oval sub-throttles)
   ระบบจุดระเบิด                  Digital
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง        เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน                  หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)        17 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน                ล้อหน้า 41 inverted fork (SFF-BP) with rebound and compression damping and spring preload adjustability, and top-out springs, ล้อหลัง Bottom-Link Uni Trak, gas-charged shock with piggyback reservoir, compression and rebound damping and spring preload adjustability
   ระบบเบรค                       ล้อหน้า ดิสก์เบรก (Dual semi-floating 310 mm Caliper- Dual radial-mount, monobloc, opposed 4-piston), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (Single 220 mm Caliper- Single-bore pin-slide)
   แบบวงล้อ                       แมกซ์
   ขนาดยาง                        ล้อหน้า 120/70ZR17M/C (58W), ล้อหลัง 180/55ZR17M/C (73W)
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)   2,025 x 710 x 1,105 มม. ความสูงเบาะ 830 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                    198.00 กก.

14
จัดฟันบางนา: จัดฟันให้เรียงสวย ต้องทำอย่างไร ?

เชื่อว่าทุกท่านน่าจะรู้จักกับการรักษาทางทันตกรรมที่เรียกว่า “การจัดฟัน” กันไม่มากก็น้อย ซึ่งการจัดฟันนี้จะช่วยทำให้ฟันที่เรียงตัวผิดปกติกลับมาเรียงตัวสวยงามได้ โดยการใช้กระบวนการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันซึ่งมีหน้าที่ทำให้เกิดแรงกดลงไปที่ฟัน เพื่อทำให้ฟันเคลื่อนย้ายไปตามที่ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมองแล้วว่าดีและสวยงาม โดยฟันของท่านจะค่อยๆขยับอย่างเป็นระเบียบจนกระทั่งเรียงตัวกันอย่างสวยงาม ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาตามแต่ละบุคคล

ซึ่งในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับข้อปฏิบัติต่างๆที่ควรคำนึงถึงในขณะที่ท่านจัดฟัน เพื่อให้ฟันเรียงตัวสวยงามตามที่ท่านได้ตั้งใจไว้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการจัดฟัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ?


1.    ช่วงวัยที่เหมาะสมในการจัดฟัน

ต้องขอบอกก่อนเลยไม่ว่าท่านจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตามสามารถทำการรักษาโดยวิธีการจัดฟันได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งมีข้อจำกัดในความสำเร็จและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้ต่างกันอย่างชัดเจน

โดยส่วนใหญ่เมื่อในยุคสมัยก่อนนั้นทันตแพทย์มักจะแนะนำว่าการจัดฟันที่ดีที่สุดควรมีอายุประมาณ 7 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงที่กระดูกขากรรไกรกำลังเจริญเติบโต ทำให้การจัดฟันจะได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด เนื่องจากในช่วงวัยนี้ กระดูกขากรรไกรและฟัน จะสามารถเคลื่อนตัวได้ง่ายกว่าในช่วงวัยที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว

แต่ถ้าหากว่าเลยช่วงวัยนี้ไปแล้ว อีกช่วงอายุที่ทันตแพทย์จะแนะนำในการจัดฟันก็คือ อายุประมาณ 12 – 13 ปี เนื่องจากว่าเป็นช่วงอายุที่มีฟันแท้ครบสมบูรณ์ และสามารถให้จัดฟันบนฟันแท้ทั้งหมดได้แล้ว แต่ถ้าหากว่าเลยช่วงอายุที่กล่าวไว้ไปแล้ว ก็สามารถทำการจัดฟันได้ไม่มีข้อห้าม แต่ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ก็อาจจะลดน้อยลงไปด้วยนั่นเอง


2.    ควรจัดฟันตามกำหนดเวลา

การจัดฟันนั้นไม่ใช่ว่าเพียงแค่ใส่อุปกรณ์จัดฟันแล้วจะเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่จริงๆแล้วเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้วในช่วงที่ใส่อุปกรณ์จัดฟันในช่วงแรกๆ ทันตแพทย์จะทำการนัดหมายผู้ที่ทำการจัดฟันให้มาพบทุกๆเดือน เนื่องจากว่าทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นที่จะต้องค่อยๆปรับหรือดึงอุปกรณ์จัดฟันให้รัดมากขึ้นเพื่อเป็นการปรับการเรียงตัวในทุกครั้งที่นัดหมาย

ต้องขอบอกเลยว่านัดหมายของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละครั้งนั้นจำเป็นและสำคัญมากๆกับผลลัพธ์ที่จะออกมาหลังจากการจัดฟัน ซึ่งการไปพบทันตแพทย์ในแต่ละครั้ง ทันตแพทย์จะทำการกำหนดทิศทางการเรียงตัวของฟันได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ระยะเวลาจัดฟันของแต่ละคนไม่มีทางเท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพฟันและช่องปากของแต่ละคน รวมถึงระเบียบวินัยของผู้เข้ารับการจัดฟันที่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถทำให้การจัดฟันเห็นผลลัพธ์ที่ดีเป็นอย่างมาก


3.    ใส่รีเทนเนอร์ให้ถูกต้อง ?

หลังจากที่ทำการจัดฟันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการถอดอุปกรณ์ที่ทำการจัดฟันออกทั้งหมด แต่ฟันที่พึ่งเข้ารูปจะยังไม่มีความแข็งแรง และเมื่อทำการถอดอุปกรณ์การยึดบีบออกด้วยแล้ว มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้ฟันที่มีความอ่อนแอและไม่มีที่ยึดติดสามารถล้มและกลับสู่สภาพก่อนที่จะทำการจัดฟันได้ ผู้ที่ถอดอุปกรณ์จัดฟันใหม่ๆจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใส่รีเทนเนอร์ หรือ อุปกรณ์คงรูปตำแหน่งฟันให้เป็นระเบียบ โดยรีเทนเนอร์นั้นจะมี 2 รูปแบบด้วยกัน คือ รีเทนเนอร์แบบถอดได้ และ รีเทนเนอร์แบบยึดติดกับฟัน


ซึ่งระยะเวลาในการใส่รีเทนเนอร์ของแต่ละคนก็จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยวิเคราะห์ของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นที่ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่คือ ฟันกลับไปเรียงตัวไม่เป็นระเบียบแบบเดิม ซึ่งถือได้ว่าเป็นความล้มเหลวในการจัดฟัน มักเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้จัดฟันไม่ทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนใหญ่จะเกิดในขณะที่นำอุปกรณ์จัดฟันออกไปแล้ว และใส่รีเทนเนอร์ไม่สม่ำเสมอ ผลสุดท้ายต้องแก้ไขโดยการเริ่มจัดฟันใหม่ทั้งหมดนั่นเอง

15
เผยโฉม Kia EV3 รถไฟฟ้า ev ดีไซน์ล้ำ พร้อมท้าชน Volvo EX30

KIA EV3 เผยโฉมให้คนทั้งโลกแล้วอย่างเป็นทางการ เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากค่ายเกาหลีที่จะทำตลาดทั่วโลก โดยจัดอยู่ในเซกเมนต์ sub-compact SUV พร้อมดีไซน์และเทคโนโลยีสุดล้ำ รวมถึงสามารถวิ่งไกลสุดถึง 600 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเลยทีเดียว

 ดีไซน์สุดล้ำ ไม่ต่างจาก Concept Car

 สำหรับ Kia EV3 เวอร์ชั่นผลิตจริงถือว่าใกล้เคียงกับ Concept Car ที่เผยโฉมเมื่อปีที่แล้วมาก เส้นสายโดยรวมเป็นแบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง EV9 อยู่พอสมควร แต่ถูกลดทอนลง ตั้งแต่ไฟหน้า LED กันชนหน้าแบบใหม่ กระจกข้างแบบทั่วไป และเสาที่หนาขึ้นเล็กน้อย ตัวรถมีรูปทรงที่เพรียวบางพร้อมกับแผ่นปิดใต้ท้องรถอย่างมิดชิด ทำให้สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศอยู่ที่ 0.267 เท่านั้น

Kia EV3 GT-Line

 นอกจากนี้ EV3 ยังมีรุ่นย่อย GT-Line ที่มาพร้อมการตกแต่งรอบคันที่สปอร์ตมากขึ้นและล้ออัลลอยลายใหม่อีกด้วย

 มิติตัวถัง Kia EV3
ความยาว 4,300 มม.
ความกว้าง 1,850 มม.
ความสูง 1,560 มม.
ระยะฐานล้อ 2,680 มม.

 ด้วยมิติตัวถังแบบ Sub-Compact SUV เช่นนี้ ทำให้ EV3 เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Volvo EX30, Peugeot E-2008, Smart #1 รวมถึง Mini Aceman ที่เพิ่งเปิดตัวไปด้วย

 ภายในมินิมอล สะอาดตา

 ภายในมีการออกแบบในสไตล์ Minimalist และ Futuristic ผสานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย มาพร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจออินโฟเทนเมนท์ 12.3 นิ้ว และหน้าจอระบบปรับอากาศ 5 นิ้วแยกออกมาเลยคล้ายกับรุ่นพี่ ส่วนที่เป็นปุ่มกดจริง ๆ ส่วนใหญ่จะอยู่บนพวงมาลัย นอกนั้นจะอยู่ใต้หน้าจอกลางเพียงไม่กี่ปุ่มเท่านั้น

 ภายในของรุ่น GT-Line มาพร้อมพวงมาลัย 3 ก้าน

ห้องโดยสาร Kia EV3 ทุกรุ่นมาพร้อมความอเนกประสงค์ คอนโซลกลางนอกจากจะเป็นที่เท้าแขนแล้ว ยังสามารถปรับเลื่อนเป็นโต๊ะขณะที่จอดรถได้ พร้อมกับฟังก์ชัน “fold-back relaxation mode” ของเบาะนั่งคู่หน้า ที่สามารถปรับเอนนอนพักผ่อนได้

 ห้องโดยสารของรถคันนี้สามารถนั่งได้ 5 คน โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระ 460 ลิตรเมื่อยังไม่ได้พับเบาะหลัง และ Frunk ขนาด 25 ลิตร นอกจากนี้ วัสดุภายในยังใช้วัสดุรีไซเคิล  ทั้งผ้ารีไซเคิล และพลาสติก (PET) รีไซเคิล

 วิ่งไกลสุด 600 กม./ชาร์จ

 EV3 มีพื้นฐานแพลตฟอร์ม E-GMP พร้อมระบบไฟฟ้า 400V โดยสเปกรุ่นเปิดตัวจะเป็นแบบมอเตอร์เดี่ยวและมีแบตเตอรี่ 2 ความจุให้เลือก ได้แก่

 Standard ใช้แบตเตอรี่ขนาด 58.3 kWh
Long Range ใช้แบตเตอรี่ขนาด 81.4 kWh

 สำหรับรุ่น Long Range ให้ระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 600 กม./ชาร์จ ในมาตรฐาน WLTP ซึ่งมากกว่าคู่แข่งไปโดยปริยาย นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้สูงสุดภายใน 31 นาที (ที่ความเร็ว 128 kW) เลยทีเดียว

 แม้จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแต่ก็ให้กำลังถึง 201 แรงม้า และแรงบิด 283 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 170 กม./ชม. นอกจากนี้ Kia ยังมีแผนเปิดตัว EV3 GT รุ่นสมรรถนะสูง ซึ่งมาพร้อมพละกำลังและการอัพเกรดแชสซีของรถอีกด้วย

 คาดเริ่ม 1.1 ล้านบาท

 Kia EV3 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่บ้านเกิดในเกาหลีใต้ในเดือนกรกฎาคมนี้ ตามมาด้วยการเปิดตัวที่ยุโรปและสหราชอาณาจักรในช่วงครึ่งปีหลังของ 2024

 นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวที่อเมริกาเหนือในช่วงปลายปี 2025 จนถึงต้นปี 2026 โดยมีราคาระหว่าง 30,000 - 35,000 ดอลล่าร์ หรือราว 1.1 - 1.28 ล้านบาท หลังจากนั้น Kia มีแผนที่จะเปิดตัวซีดาน EV4 และครอสโอเวอร์ขนาดเล็กกว่าอย่าง EV2 ในยุโรป

หน้า: [1] 2 3 ... 53
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google