แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 37
1
จัดฟันบางนา: รู้หรอไม่ ? จัดฟันแบบเร็ว มีฟันสวยอย่างรวดเร็ว แต่เจ็บน้อยกว่า !

การจัดฟันแบบรวดเร็ว เช่น จัดฟัน fastbraces ถือเป็นการนำนวัตกรรมทางเครื่องมือจัดฟันเข้ามาใช้ เพื่อให้การจัดฟันในรูปแบบนี้ เห็นผลได้รวดเร็วขึ้น ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีฟันเรียงสวยเป็นธรรมชาติ อย่างรวดเร็ว การนำนวัตกรรมเข้าใช้ ทำให้เครื่องมือการจัดฟันแบบเร็ว ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการจัดฟันเลย ด้วยเครื่องมือที่มีความเฉพาะ ในรูปแบบสามเหลี่ยม ที่ทำให้ฟันเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ด้วยแรงที่เบามาก

ซึ่งการจัดฟันแบบรวดเร็ว จะแตกต่างจากวิธีจัดฟันแบบทั่วไป วิธีจัดฟันแบบนี้ ใช้ระยะเวลาในการจัดเฉลี่ยเพียง 6 เดือน – 1 ปี และเป็นการจัดแบบไม่ต้องถอนฟัน ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเจ็บน้อยกว่าการจัดฟันในรูปแบบอื่น และไม่เกิดการกระชากฟัน ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือทำให้เกิดการอักเสบ แถมยังช่วยให้มีฟันเรียงสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในรูปแบบดังกล่าว มีข้อจำกัดอยู่นั่นก็คือ ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องไม่มีโรคที่เกี่ยวกับเหงือก ซึ่งหากมีโรคเหงือก ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องปรึกษาทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาว่าสามารถเข้ารับการจัดฟันแบบรวดเร็วได้หรือไม่

ทั้งนี้ผู้ที่จะเข้ารับการรักษา จะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากก่อนเข้ารับการรักษา รวมไปถึงทันตแพทย์จะแจ้งการปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันและหลังจากการจัดฟันว่าผู้เข้ารับการรักษาต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง อย่างที่บอกว่า การจัดฟันแบบรวดเร็วนั้น เป็นการจัดฟันที่เห็นผลได้เร็วที่สุด ซึ่งจะประหยัดเวลาในการจัดฟันทผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องเข้ามาพบทันตแพทย์บ่อยๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีการนัดจากทันตแพทย์ ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบรวดเร็วจะต้องเข้ามาพบทันตแพทย์ตามนัดหสาย เพื่อที่จะได้ตรวจความเปลี่ยนแปลงของฟัน ถ้าหากมีปัญหาจะได้ทำการแก้ไขโดยทันที แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว การจัดฟันแบบรวดเร็วจะไม่ทำให้รากฟัเกิดการละลาย ไม่ทำให้เหงือกร่น และผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องถอนฟัน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทรากฟันในอนาคต และไม่ต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามการจัดฟันแบบรวดเร็ว จะมีระยะเวลาในการจัดฟันแบบรวดเร็วเพียงแค่ 3เดือน-1ปีขึ้นอยู่กับโครงสร้างและสุขภาพช่องปากและฟันของแต่ละบุคคล

การจัดฟันแบบรวดเร็ว ถูกออกแบบเพื่อให้การทำงานของรากฟัน และตัวฟัน เคลื่อนที่ไปพร้อมๆกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ที่เข้ารับการจัดฟันจะทราบถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มจัดฟัน เนื่องด้วยนวัตกรรมของเครื่องมือจัดฟัน แบบ Fastbraces จะออกแบบมาเป็นรูป 3 เหลี่ยม  และลวดที่ออกแบบ เพื่อให้เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ตามระยะเวลาที่ได้วางแผนการรักษาไว้ ตั้งแต่เริ่มต้นการรักษาใช้แรงที่กระทำต่อรากฟันไม่มาก กับการกระตุ้นให้เกิดการสร้างกระดูกรอบๆรากฟัน

ซึ่งใช้วิธีการกระตุ้นการปลูกกระดูกที่รากฟันโดยใช้แรงที่เบามาก จนทำให้ผู้เข้ารับการรักษาไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนตัวของฟัน นอกจากนี้ ตัวเครื่องมือจัดฟันยังช่วยลดแรงเสียดทานพร้อมทั้งยังช่วยกระตุ้นการปลูกกระดูกที่รากฟัน เพราะเมื่อรากฟันไปในทางที่ถูกฟันก็เข้ารูปวิธีนี้จะทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บน้อยมาก และข้อดีของการจัดฟันแบบรวดเรฟ้วอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องใส่รีเทนเนอร์ไปตลอดชีวิตด้วย ซึ่งหากสนใจเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบรวดเร็ว สามารถเข้ารับคำแนะนำจากทีมทันตแพทย์ของทางคลีนิคทางเรามีการบริการด้านการจัดฟันมาทุกรูปแบบ มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันมาอย่าวยาวนาน จึงทำให้มั่นใจได้ว่า หากเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบรวดเร็ว จะได้มีฟันที่สวยงามได้อย่างรวดเร็ว

2
Doctor At Home: หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis)

หลอดลมฝอยอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของทางเดินหายใจส่วนล่างที่พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี พบมากในช่วงอายุ 2-8 เดือน พบได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบมากในฤดูฝน พบได้บ่อยในทารกที่มีมารดาสูบบุหรี่ พบน้อยในทารกที่กินนมมารดา

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด ที่สำคัญคือ กลุ่มอาร์เอสวี (respiratory syncytial virus/RSV) ซึ่งทำให้เกิดอาการรุนแรงในเด็กเล็ก* เชื้อนี้สามารถติดต่อแบบเดียวกับไข้หวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสัมผัสผ่านวัตถุหรือสิ่งของต่าง ๆ เชื้อมักจะแพร่กระจายลงไปที่หลอดลมฝอย (bronchioles) ทำให้เยื่อบุผิวอักเสบบวม และหลั่งเมือก (เสมหะ) ออกมามาก เกิดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ มีอาการไอและหายใจหอบ

ระยะฟักตัว (สำหรับการติดเชื้ออาร์เอสวี) 2-5 วัน

* เชื้อนี้ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในคนทุกวัย การติดเชื้อครั้งแรกเกิดในเด็กเล็ก มักจะรุนแรง หลังจากนั้นสามารถติดเชื้อซ้ำอีก ในเด็กอายุมากกว่า 3 ปี และผู้ใหญ่ การติดเชื้อมักจำกัดอยู่ในทางเดินหายใจส่วนต้น กลายเป็นเพียงไข้หวัด

อาการ

แรกเริ่มอาการแบบไข้หวัด คือ ไข้ น้ำมูกไหล และไอ 2-5 วันต่อมาเด็กจะมีอาการไอรุนแรง และหายใจหอบ มีเสียงดังวี้ด เด็กจะมีอาการซึม กระสับกระส่าย ไม่ยอมดูดนมหรือกินอาหาร บางรายอาจมีอาการอาเจียนหลังไอ อาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือไม่มีก็ได้ ในรายที่หอบมากมักมีอาการปากเขียว


ภาวะแทรกซ้อน

อาจเกิดภาวะขาดน้ำ ปอดอักเสบ ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วย ภาวะปอดแฟบ (atelectasis) จากการอุดกั้นของหลอดลม

บางรายอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย

ที่ร้ายแรง คือ กลุ่มอาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (acute respiratory distress syndrome/ARDS) ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง มักเกิดกับทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือน มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น เอดส์) โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือโรคทางปอดเรื้อรัง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

มักตรวจพบไข้ 38-39 องศาเซลเซียส บางรายอาจไม่มีไข้

รายที่เป็นรุนแรงจะพบอาการหายใจเร็ว (มากกว่า 50-60 ครั้ง/นาที) ชีพจรเต้นเร็ว ซี่โครงและลิ้นปี่บุ๋ม ปากเขียว พบภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ตาลึก กระหม่อมบุ๋ม ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น

การเคาะปอดมีเสียงโปร่ง (hyperresonant) การฟังปอดได้ยินเสียงวี้ด (wheezing) กระจายทั่วไป เสียงหายใจออกยาวกว่าปกติ และอาจมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation)

บางรายอาจตรวจพบหูชั้นกลางอักเสบร่วมด้วย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการเอกซเรย์ปอด ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ทดสอบทางน้ำเหลือง (เช่น ELISA) เพื่อพิสูจน์เชื้อต้นเหตุ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์รับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยให้การรักษาตามอาการ และการรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้ยาลดไข้ ให้ออกซิเจน น้ำเกลือ (ต้องระวังอย่าให้มากเกิน) ใช้เครื่องดูดเสมหะ ในรายที่หายใจลำบากอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

บางกรณี (เช่น มีประวัติโรคหืดในครอบครัว หรือเป็นโรคหืดมาก่อน) อาจให้ยาขยายหลอดลม

ส่วนยาปฏิชีวนะไม่จำเป็นต้องให้ ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หรือเป็นหูชั้นกลางอักเสบจากแบคทีเรียร่วมด้วย

ผลการรักษา ส่วนใหญ่จะหายได้ภายใน 7-10 วัน ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเสียชีวิต พบว่ามีอัตราตายประมาณร้อยละ 2-3 ซึ่งส่วนใหญ่พบในทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน


การดูแลตนเอง

เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี หากเป็นไข้หวัด แต่มีอาการหายใจหอบหรือหายใจเร็วกว่าปกติ (มากกว่า 50-60 ครั้ง/นาที) ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหลอดลมฝอยอักเสบ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

ควรป้องกันไม่ให้เด็กเล็กติดเชื้อแบบเดียวกับการป้องกันไข้หวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรให้เด็กเล็กอยู่ห่างไกลจากผู้ที่เป็นไข้หวัด และไม่ควรพาเด็กเล็กไปในที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น สถานบันเทิง งานมหรสพ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

ข้อแนะนำ

1. เด็กเล็กที่เป็นโรคนี้อาจมีอาการแสดงคล้ายโรคหืด ปอดอักเสบ และการสำลักสิ่งแปลกปลอม ควรซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วน อย่างไรก็ตาม หากพบเด็กมีอาการหายใจหอบ ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ควรรีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

2. เด็กที่เป็นโรคนี้มากกว่า 2 ครั้ง พบว่าอาจมีโอกาสเป็นโรคหืดในภายหลัง ซึ่งยังไม่สามารถอธิบายว่าทั้ง 2 โรคนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร ดังนั้น เมื่อหายจากโรคหลอดลมฝอยอักเสบแล้ว ควรติดตามดูอาการของเด็กต่อไปว่าอาจเป็นโรคหืดตามมาหรือไม่

3. เด็กเล็กที่เป็นไข้หวัด พ่อแม่ ผู้ปกครองเด็ก ควรเฝ้าดูอาการหายใจหอบอย่างใกล้ชิด โดยการนับการหายใจของเด็กขณะอยู่ที่บ้านบ่อย ๆ ถ้าพบว่ามีอัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ (อายุ 0-2 เดือน หายใจมากกว่า 60 ครั้งต่อนาที อายุ 2 เดือน-1 ปี มากกว่า 50 ครั้งต่อนาที อายุ 1-5 ปี มากกว่า 40 ครั้งต่อนาที) เด็กอาจเป็นหลอดลมฝอยอักเสบ ครู้ป ปอดอักเสบ หรือภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ก็ควรรีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

3
งานมอเตอร์โชว์ Lamborghini ทุบสถิติผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2567 หลังเปิดตัวรถยนต์ใหม่สามรุ่นในช่วง 18 เดือน ดันยอดขายทะลุเป้าสูงสุดเป็นประวัติการ

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) เผยตัวเลขผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดของบริษัท ทั้งในด้านจำนวนการส่งมอบรถยนต์ ตัวเลขรายได้ และกำไรจากการดำเนินงาน โดยมีการส่งมอบรถยนต์รวม 8,411 คัน (เพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566) ทำรายได้ที่ 2,434 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 20.1% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ที่ 678 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 9.8% จากปี 2566

มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “ประสิทธิภาพการดำเนินงานขั้นสูงสุดที่ปรากฏนั้น เป็นผลมาจากการตัดสินใจทำสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของ ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี นั่นคือเราได้เปิดตัวรถยนต์ใหม่ถึง 3 รุ่นในเวลาเพียง 18 เดือน ปิดท้ายด้วยความสำเร็จครั้งสำคัญจากการนำเสนอซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดที่สมบูรณ์แบบจากรถยนต์ Lamborghini Temerario ทำให้นี่เป็นช่วงเวลาที่ต้องจับตามองมากที่สุดสำหรับบริษัท ในการเน้นย้ำถึงความสำคัญและผลกระทบจากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงในโลกยานยนต์ที่เรากำลังเผชิญอยู่”

มร.เปาโล โพมา กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี สะท้อนการดำเนินการตามกลยุทธ์ของเราได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเราสามารถยกระดับขีดความสามารถในการสร้างผลกำไรได้อย่างโดดเด่นแม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ท้าทาย ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 3 ยังทำให้เราสามารถคาดหวังได้ว่าผลประกอบการรวมของปีนี้ที่จะดีขึ้นอีกครั้ง และช่วยตอกย้ำตำแหน่งทางการตลาดที่เข้มแข็งของเราในฐานะแบรนด์ที่ทำกำไรสูงสุดในกลุ่มสินค้าลักซ์ชัวรีได้อีกครั้งในปีนี้”

ด้วยจำนวนคำสั่งซื้อมหาศาลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ทุกรุ่นของออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ยังคงเป็นที่ต้องการสูง โดยระยะเวลารอคอยของรุ่น Revuelto  เพียงรุ่นเดียวก็นานเกิน 2 ปี ในขณะที่การผลิตรุ่น Urus SE ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คำสั่งซื้อก็ครอบคลุมโควต้าการผลิตปี 2568 ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรุ่น Temerario ใหม่ซึ่งเป็นดาวเด่นประจำไตรมาสที่เปิดตัวในงาน Monterey Car Week ก็มีคำสั่งซื้ออย่างเป็นทางการทันทีในเดือนกันยายน พร้อมกระแสตอบรับเชิงบวกจากสาธารณชนอย่างล้นหลาม
 
หลักชัยแห่งความสำเร็จนี้ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับหรู และวางรากฐานอันมั่นคงให้กับการพัฒนากลยุทธ์การเติบโตและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอนาคตต่อไป

4
สัญญาณเตือนโรคไต พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรเลี่ยง !

ไต อวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายที่มีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วเหลือง จะอยู่บริเวณกระดูกชายโครงทั้ง 2 ข้าง มีหน้าที่ในการขับของเสียที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญสารอาหารต่าง ๆ รวมไปถึงมีหน้าที่ในการรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ สร้างสารที่มาควบคุมความดันเลือด และกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้น ไต จึงเป็นอวัยวะอีกหนึ่งส่วนที่มีความสำคัญ ที่จะต้องได้รับการดูแลทั้งเรื่องอาหารและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลให้การทำงานของไตนั้นมีประสิทธิภาพลดลงจนไตล้มเหลวได้ ดังนั้นควรสังเกตุ สัญญาณเตือนโรคไต ให้ดี

สัญญาณเตือนโรคไตรู้ก่อนรักษาก่อน

สัญญาณเตือนโรคไต คือ ปัสสาวะผิดปกติ เบื่ออาหาร เหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ใบหน้าซีด ปวดหลังหรือบั้นเอวข้างใดข้างหนึ่ง เป็นอาการเสี่ยงโรค ไต ที่สุด
สัญญาณเตือนโรคไต ระยะเริ่มต้น

    ปัสสาวะเป็นเลือด
    ปัสสาวะเป็นฟอง
    ปัสสาวะช่วงกลางคืนบ่อยครั้ง
    อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
    มีอาการบวมบนใบหน้าและเท้า
    เบื่ออาหาร
    มีอาการขมปาก ขมคอ ไม่สามารถรับประทานอาหารได้

สัญญาณเตือนโรคไต คือ ปัสสาวะผิดปกติ เบื่ออาหาร เหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ใบหน้าซีด ปวดหลังหรือบั้นเอวข้างใดข้างหนึ่ง เป็นอาการเสี่ยงโรค ไต ที่สุด
พฤติกรรมเสี่ยงเป็น โรคไต

1.    รับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง

อาหารที่มีโซเดียมสูงเกินไปนอกจากจะมีผลต่อการทำงานของไตแล้วยังส่งผลให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูงหรือเส้นเลือดสมองแตก


2.    รับประทานอาหารสำเร็จรูป

อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารกระป๋อง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนใหญ่จะมีปริมาณโซเดียมมากกว่าปกติทำให้มีความเสี่ยงต่อการทำงานของไต


3.    ดื่มน้ำน้อย

การดื่มน้ำน้อยทำให้ปัสสาวะมีสีที่เข้มมากขึ้นส่งผลให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำจนทำให้ไตต้องทำงานหนัก อาจเสี่ยงภาวะไตวายและโรคระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ และติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น


4.    น้ำหนักมากเกินไป

ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมากจนเกินไปก่อให้เกิดโรคอ้วนซึ่งจะมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างเบาหวานและความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ป่วยที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นสาเหตุของโรคไต


5.    ซื้อยารับประทานเอง

การซื้อยามารับประทานเพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายจากร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพรบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ก่อให้เกิดโรคไตได้ จำเป็นต้องมีการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยาทุกครั้งโดยเฉพาะการกินต่อเนื่อง


6.    ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว

ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ต่อเนื่องอาจมีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคไตตามมาได้


ไตวายเรื้อรัง จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น ?

สัญญาณเตือนโรคไต คือ ปัสสาวะผิดปกติ เบื่ออาหาร เหนื่อยง่ายอ่อนเพลีย ใบหน้าซีด ปวดหลังหรือบั้นเอวข้างใดข้างหนึ่ง เป็นอาการเสี่ยงโรค ไต ที่สุด


วิธีป้องกันโรคไตเบื้องต้น

    ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
    หลีกเลี่ยงอาหารกึ่งสำเร็จรูปหรือขนมขบเคี้ยว
    หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด
    ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
    หลีกเลี่ยงการรับประทานยาติดต่อกันนาน ๆ โดยเฉพาะกลุ่มยาแก้อักเสบแก้ปวด
    ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยา
    ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

โรคไต ในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการแสดงออกมาให้เห็น แต่ไม่ควรมองข้ามหากมีความเสี่ยงหรือพฤติกรรมที่เคยชินที่อาจส่งผลต่อการทำงานของไต เช่น รับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และมีโรคประจำตัว ดังนั้นเพื่อป้องกันสุขภาพการทำงานของไตจึงต้องมีการตรวจสุขภาพประจำปีหาความเสี่ยงของโรคไตในระยะเริ่มต้นเพื่อให้รักษาได้ทันท่วงทีและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง

5
รีวิวแท็บเล็ต HUAWEI MatePad 10.4" แท็บเล็ตขุมพลังใหม่ ตอบโจทย์การใช้งานทุกมิติ ในราคาเพียง 9,990.-

ปี 2021 นี้ หัวเว่ยได้เปิดตัว HUAWEI MatePad แท็บเล็ตตัวเล็กที่ย่อส่วนจากรุ่นพี่อย่าง MatePadPro 5G แต่สเปคไม่ได้ย่อเลย ด้วยหน้าจอ FullView Display ขนาด 10.4 นิ้ว ชิปเซ็ต Kirin 820 ให้ความเร็ว แรง มอบประสบการณ์ความบันเทิงอย่างเหนือชั้น เสริมด้วยประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูลด้วยการรองรับ WiFi 6 เป็นรุ่นแรกของทางหัวเว่ย เรียกว่าพร้อมตอบโจทย์การใช้งานทั้งความบันเทิง ทำงาน และการเรียนรู้ ทั้งหมดนี่ในราคาเพียง 9,990 บาท! พิเศษสำหรับคนที่สั่งซื้อในช่วง Early Bird รับฟรี HUAWEI Smart Keyboard มูลค่า 1,990 บาท นั่นเท่ากับว่าเราจะได้ HUAWEI MatePad ในราคา 8000 บาทเท่านั้น! มาดูกันเลยค่ะว่าในราคาแปดพันบาทนี้เราจะได้อะไรบ้าง
กล่อง และอุปกรณ์

HUAWEI MatePad มาในกล่องสีขาวดีไซน์เรียบหรู ปั้มแบรนด์และรุ่นของอุปกรณ์ พร้อมข้อมูลขนาดหน้าจอ การรองรับแอปพลิเคชั่นและวายฟาย ข้อมูลหน่วยความจำ และสีของตัวเครื่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย ตัวเครื่องแท็บเล็ต HUAWEI MatePad สี Midnight Grey, อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W, สายชาร์จ USB Type-C, เข็มจิ้มถาดการ์ดหน่วยความจำ microSD, สายเคเบิ้ลอะแดปเตอร์ USB Type-C ไปยังแจ็คชุดหูฟัง 3.5 mm., คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน และสำหรับใครที่สั่งซื้อในช่วง Early Bird ก็จะได้รับ HUAWEI Smart Keyboard แถมมาด้วยเลยค่ะ

ซึ่งน่าเสียดายที่ทางหัวเว่ยไม่ได้ให้หูฟังมาด้วย แถมยังให้อะแดปเตอร์ชาร์จไฟมาเพียง 10W ทำให้การชาร์จไฟแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน แต่มองว่าไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เพราะโดยการใช้ชีวิตประจำวันคนเราก็มักจะชาร์จไฟในช่วงเวลาก่อนนอนและตื่นมาใช้งานในตอนเช้าอยู่แล้ว

ดีไซน์
สำหรับดีไซน์ HUAWEI MatePad มาพร้อมหน้าจอกระจกแบบ FullViewDisplay ขนาด 10.4 นิ้ว สัดส่วน16:9:6 ด้วยขอบจอบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร เลยทำให้ได้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงสุด 84% สามารถใช้งานได้อย่างเต็มตา กล้องหน้าถูกวางไว้บนขอบจอแนวนอน ไม่กินพื้นที่หน้าจอแสดงผลให้ขัดใจ

ตัวเครื่องทำจากวัสดุอะลูมิเนียมที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมือ ไม่ก้องแก้ง ขนาดพอดีมือ ใส่เคสแล้วก็ยังไม่ให้ความรู้สึกเทอะทะ เหมาะสำหรับการพกพาไปใช้ในชีวิตประจำวันมาก ๆ ค่ะ ด้านหลังออกแบบอย่างเรียบง่าย มีโลโก้ของทางหัวเว่ยอยู่ตรงกลาง มุมบนขวามือวางกรอบกล้องหลังโชว์เลนส์ 2 ตัวและแฟลช ถัดมาด้านล่างเป็นเครื่องหมายรับรองการจูนเสียงโดย harman/kardon ค่ะ

ปุ่ม Power จะอยู่ทางด้านบนของตัวเครื่อง พร้อมลำโพงขนาดใหญ่ 2 ตัว และอีก 2 ตัวทางด้านล่าง โดยพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีล่าสุด HUAWEI Histen 6.1 และแน่นอนว่าปรับแต่งคุณภาพเสียงโดย harman/kardon ตามที่ได้เกริ่นไปเมื่อครู่ ซึ่งอยู่ขนาบกับพอร์ตชาร์จ Type-C

ถัดมาด้านข้างเป็น ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และช่องไมโครโฟนทั้งหมด 4 ตัวที่จะทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวน ส่วนอีกฝั่งของด้านข้างเป็นช่องใส่ถาด microSD Card ซึ่งแท็บเล็ตตัวนี้ไม่ได้รองรับซิมการ์ดนะคะ

สำหรับการออกแบบโดยรวม ถือว่าออกแบบมาได้สวยเลยทีเดียวค่ะ ด้วยตัวเครื่องที่ค่อนข้างกะทัดรัด ใหญ่กว่าขนาด A4 พับครึ่งนิดเดียว และมีน้ำหนักเพียง 450 กรัม หลังจากใส่เคสคีย์บอร์ดก็หนาเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรียกว่าตอบโจทย์การพกพาติดตัวไปใช้งานในชีวิตประจำวันสุด ๆ

สำหรับตัวเคส HUAWEI Smart Keyboard ทำออกมาได้บางเฉียบ วัสดุเป็นผิวหยาบนิด ๆ เวลาถือไม่ทำให้หลุดมือง่าย ส่วนตัวชอบสัมผัสการพิมพ์ของคีย์บอร์ดมาก กดง่าย ไม่ต้องออกแรง ระยะห่างของแป้นกำลังดี ดีไซน์ให้ความรู้สึกพรีเมียม เป็นอุปกรณ์เสริมที่แถมมาให้แบบคุ้มเกินราคาจริง ๆ ค่ะ

การทดสอบประสิทธิภาพ
HUAWEI MatePad มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 10.4 นิ้ว ความละเอียดสูงสุด FHD 2K (2000 x 1200 พิกเซล) ทำงานบน Android 10 ครอบทับด้วย EMUI10.1 ชิปเซ็ต Kirin 820 ขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตร หน่วยความจำ 4GB และให้ความจุมามากถึง 128GB (รองรับ MicroSD สูงสุด 512 GB) และรองรับ Wifi-6 ซึ่งได้คะแนนทดสอบ ผลออกมาดังนึ้ค่ะ
ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ทำคะแนนได้ 382,566 คะแนน
ทดสอบ MultiTouch รองรับ 10 จุด
ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench ทำความเร็ว Storage ในการอ่านอยู่ที่ 952.82 MB/s และการเขียน 481.1 MB/s (UFS 2.1) ทำความเร็ว RAM ในการอ่านอยู่ที่ 185.73 MB/s และการเขียน 221.81 MB/s (LPDDR4X)
ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าทำได้ทีเลยทีเดียวค่ะ

หน้าจอ และอินเตอร์เฟส
ด้วยความที่เจ้า HUAWEI MatePad ทำงานบน Android 10 ที่ครอบทับด้วย EMUI10.1 ทำให้ได้หน้าตาอินเตอร์เฟสที่สวยงามสบายตา ด้วยการ์ดจอ Mali-G57 ที่ทำงานร่วมกับ GPU+Turbo ให้ความเร็วและการลื่นไหลอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี ไม่ได้ลื่นไหลเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็ไม่ได้ติดขัดหรือหน่วงเกินไป มีโหมดถนอมสายตาให้หลากหลายตามการใช้งานเฉพาะ ทั้ง Dark mode (โหมดกลางคืน), Eye Comfort (โหมดถนอมสายตาโดยเฉพาะ) และ eBook mode (โหมดอ่านหนังสือ) ซึ่งตัวหน้าแสดงผลและโฮมสกรีนเองก็สามารถตั้งค่า/ปรับเปลี่ยนได้ค่อนข้างอิสระเลยค่ะ ไม่ว่าจะปรับความสว่างของแสง สีหน้าจอ หรือขนาดของไอคอนและตัวหนังสือ


เจ้าแท็บเล็ตตัวนี้ยังรองรับฟีเจอร์ HUAWEI Share เพื่อการใช้งานในโหมด Multi-Screen Collaboration เพิ่มสะดวกสบายมากขึ้น ในการแชร์หน้าจอสมาร์ตโฟนขึ้นมาปรากฎบนจอแท็บเล็ต ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนไฟล์ต่าง ๆ ระหว่างสองดีไวซ์ได้อย่างไร้รอยต่อ ตามกลยุทธ์ 1+8+N ของทางหัวเว่ย

และส่วนนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือ Desktop mode (โหมดเดกส์ท็อป) ของทางหัวเว่ย ที่จะแปลงร่างแท็บเล็ตให้กลายเป็นแลปท๊อปขนาดย่อม ยิ่งใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ดด้วยแล้ว ก็ช่วยยืดหยุ่นการทำงานได้หลากหลายและสะดวกสบายมากขึ้น สามารถหิ้วแท็บเล็ตตัวเดียวไปไหนมาไหนเพื่อทำงานแทนแลปท็อปได้เลยค่ะ

นอกจากนี้ทางหัวเว่ยยังให้ฟีเจอร์ HUAWEI APP Multiplier มาพร้อมกับตัวแท็บเล็ต ที่จะช่วยให้สามารถใช้งาน 1 แอปพลิเคชันแบบหน้าจอคู่ขนานกันได้ ช่วยให้เราอ่านข้อมูลได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอกลับไปกลับมา


การใช้งาน
แอปพลิเคชั่น และการดาวน์โหลด
ข้อกังวลหลักของคนที่วางแผนจะซื้อผลิตภัณฑ์ของทางหัวเว่ย คงไม่พ้นคำถามที่ว่า "จะใช้งานอะไรได้บ้าง เมื่อไม่มี Google Mobile Service (GMS) จากทาง Google" คำตอบก็คือ สามารถใช้งานได้แทบทุกอย่างเลยค่ะ เพราะทางหัวเว่ยได้มีการอัปเดต Security Patch ให้ผ่านทาง EMUI รวมทั้งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ผ่านทาง AppGallery ของทางหัวเว่ย ในนาม Huawei Mobile Service (HMS) ซึ่งตอนนี้มีการอัปเดตแอปพลิเคชันหลัก ๆ ที่ใช้งานกันเป็นส่วนใหญ่ให้สามารถดาวน์โหลดกันได้เกือบทั้งหมดแล้ว และทางหัวเว่ยยืนยันว่าจะยังมีการอัปเดตต่อไปอีกเรื่อย ๆ


สำหรับแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ นอกเหนือจากที่มีอยู่ใน AppGallery ผู้ใช้งานก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ด้วยตนเองจากผู้ให้บริการอื่น ๆ วิธีก็ง่าย ๆ เลยค่ะ เข้าเบราว์เซอร์ พิมพ์คีย์เวิร์ดแอปฯที่ต้องการ ต่อด้วยคำว่า Download จากนั้นก็กดค้นหา ก็จะมีรายชื่อขึ้นมาให้เลือกติดตั้งได้ตามสะดวก ซึ่งมองว่าไม่ได้เป็นขั้นตอนที่เข้าใจยากหรือลำบากมากนัก จากการทดลองใช้แอปพลิเคชั่นที่ดาวน์โหลดมาจากผู้ให้บริการอื่น พบว่าเบื้องต้นก็สามารถใช้งานได้ตามปกติค่ะ ยังไม่เจอข้อติดขัดอะไร เพียงแต่ขั้นตอนการอัปเดตแอปพลิเคชั่นอาจต้องคอยติดตั้งใหม่ในทุกครั้งเท่านั้นเอง

สำหรับการใช้งาน HUAWEI MatePad ร่วมกับ HUAWEI Smart Keyboard ต้องบอกเลยว่าช่วยเสริมพลังกันดีมาก ๆ ด้วยข้อขัดใจเล็ก ๆ ของแท็บเล็ตที่ขนาดของหน้าจอทำให้ระยะของแป้นค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับการพิมพ์ การมีคีย์บอร์ดทำให้การใช้งานไหลลื่นยิ่งขึ้น ซึ่งตัว Smart Keyboard เองนอกจากจะให้สัมผัสการพิมพ์ที่ดีแล้ว ยังให้การใช้งาน Shortcut (แป้นลัด) มาอย่างหลากหลาย ช่วยลดขั้นตอนการปัดหน้าจอไปได้

ซึ่งขั้นตอนการเชื่อมต่อ Smart Keyboard ใน HUAWEI MatePad ก็ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ เริ่มจากเปิดบลูทูธบนแท็บเล็ตและตัวคีย์บอร์ด (ปุ่มเล็ก ๆ อยู่ทางด้านขวามือ) จากนั้นก็เสียบแท็บเล็ตไว้กับแท่น (ตามภาพ) จากนั้นทั้งสองอุปกรณ์ก็จะเริ่มเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติ และสามารถปิดการเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ เพียงแค่ดึงแท่นแม่เหล็กออกจากฝาพับคีย์บอร์ด สะดวกสบายและรวดเร็ว ตอบโจทย์การทำงานในสถานการณ์เร่งด่วนมาก ๆ ค่ะ

จากการทดลองใช้งาน HUAWEI Smart Keyboard ทำให้พบปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้งาน Smart Keyboard ของทางหัวเว่ยต้องพบกันทุกคน นั่นคือการพิมพ์ตัวอักษร ข และ ช ไม่ได้ ซึ่งทาง MoblieGuru เราได้หา Tips เล็ก ๆ มาเป็นทางแก้ให้กับผู้ใช้งานด้วยเช่นกันค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องทำการติดตั้งแป้นพิมพ์ภาษาไทย ด้วยการเข้าไปที่ Setting (การตั้งค่า) > System & update (ระบบและการอัปเดต) > Language & input (ภาษาและแป้นพิมพ์) เลือกที่ Microsolf SwiftKey Keyboard จากนั้นให้เลือกที่ Languages (ภาษาต่างๆ) และเลื่อนหาภาษา Thai/ไทย เพื่อติดตั้ง


จากนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือเลือกแป้นพิมพ์ให้ตรงกับภาษา ซึ่งแป้นลัดสำหรับการเปลี่ยนภาษาคือ Ctrl+Shift ส่วนการเปลี่ยนแป้นพิมพ์คือ Alt + Spacebar ให้สังเกตสัญลักษณ์ที่ขึ้นมาระหว่างการเปลี่ยนแป้นพิมพ์ เมื่อเปลี่ยนเป็นแป้นพิมพ์ Thai/ไทย แล้ว ก็สามารถพิมพ์ตัวอักษรทุกตัวได้อย่างไม่มีติดขัดค่ะ

นอกจากคีย์บอร์ดแล้ว HUAWEI MatePad ยังรองรับปากกา M-Pencil ของทางหัวเว่ยด้วยเช่นกัน ผู้ใช้งานสามารถใช้จดบันทึก วาด ร่างภาพ ได้เช่นเดียวกับปากกาและสมุดโน้ต ขยายขอบการใช้งานให้หลากหลายขึ้นได้อีกเพียบ
การเล่นเกม และความบันเทิงต่าง ๆ
สำหรับการเล่มเกม เจ้า HUAWEI MatePad ทำได้ดีตามสเปคเลยค่ะ อาจไม่ได้ให้การแสดงผลที่ว้าวมาก แต่สามารถใช้เล่นเกมทั่วไปได้สบาย ๆ สำหรับสายเกมที่เล่นแบบหนัก ๆ จัดเต็ม น้องตัวนี้อาจยังเหมาะนะคะ

ในส่วนของการดูหนังฟังเพลง ต้องบอกว่าค่อนข้างประทับใจเลยค่ะ ด้วยอัตราส่วนจอที่กว้างและความละเอียด FHD ทำให้สามารถดูหนังดูคลิปได้แบบเต็มตา ลำโพงขนาดใหญ่ 4 ตัวที่ผ่านการจูนเสียงจาก harman/kardon ทำให้ได้ระบบเสียงเซอร์ราวด์สมจริง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมคอนเทนต์ได้ดี แม้ว่าแอปพลิเคชั่นหลักอย่าง YouTube จะสามารถใช้ได้ผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่ก็รองรับการดูแบบเต็มจอได้ ซึ่งถือว่าผ่านค่ะ นอกจากนี้หัวเว่ยเองก็มีคอนเทนต์วิดีโอและเพลงให้สามารถเข้าไปเลือกชมเลือกฟังกันได้ใน Video และ Music

นอกจากลำโพงจัดเต็ม 4 ตัวแล้ว เจ้า HUAWEI MatePad ยังให้ไมโครโฟนมา 4 ตัวเช่นกัน เพื่อทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวนรอบข้างอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องใช้แท็บเล็ตในการพูดคุยหรือประชุมออนไลน์
การถ่ายภาพและวิดีโอ

HUAWEI MatePad ให้กล้องหลังมาที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถปรับซูมได้ 10 ระดับ ถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับแท็บเล็ตที่ไม่ได้เน้นการถ่ายรูปเป็นหลัก โหมดกล้องที่ให้มาก็ค่อนข้างครอบคลุมสำหรับการใช้งานพื้นฐาน ทั้งโหมด PRO, PANORAMA และ BEAUTY พร้อม AI ที่เข้ามาช่วยในเรื่องการประมวลผลของภาพ ซึ่งผลลัพธ์ของภาพก็ทำออกมาได้ไม่เลวเลยค่ะ

สำหรับกล้องหน้าเองก็มีความละเอียดที่ 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-Wide ซึ่งจะให้มุมมองกล้องที่กว้างกว่ากล้องหน้าแท็บเล็ตทั่วไป มาพร้อมโหมด BEAUTY และลูกเล่นที่จะช่วยตัดภาพพื้นหลัง ให้เราสนุกกับการถ่ายภาพเซลฟี่ได้มากขึ้น

แบตเตอรี่
เจ้า HUAWEI MatePad มากับแบตเตอรี่ขนาด 7,250 mAh ซึ่งสามารถแสตนบายได้ถึง 28 วัน จากการทดลองใช้ทั้งการทำงาน ท่องเว็บไซต์ และชมคลิปวิดีโอในหนึ่งชั่วโมง แบตเตอรี่ลดลงไปเพียงเล็กน้อย จัดว่าแบตฯอึดอยู่พอสมควรค่ะ และด้วยปริมาณแบตเตอรี่ขนาดนี้ สามารถใช้งานได้สบาย ๆ ตลอดทั้งวันแน่ ๆ และถึงแม้จะไม่ได้ให้อะแดปเตอร์ชาร์จไวมาด้วย แต่เจ้าตัวนี้ก็ไม่ได้ใช้เวลาในการชาร์จนานเลยค่ะ แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เต็มอิ่มพร้อมใช้งานได้อีกครั้งแล้ว

สรุปภาพรวม
HUAWEI MatePad เป็นแท็บเล็ตที่ทำให้ว้าวได้มากกว่าที่คิดค่ะ ด้วยการรวมเอาฟีเจอร์เด่น ๆ ของทางหัวเว่ยที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในเรื่องของการทำงานและการเรียนรู้มาไว้ครบถ้วน ทำให้เป็นแท็บเล็ตรุ่นเล็กที่ช่วยเอื้อการทำงานให้เราได้ไม่แพ้กับรุ่นใหญ่ ๆ เลย การแสดงผลไม่ได้ลื่นปรื้ดมากแต่ก็ไม่ได้ติดขัดให้เสียจังหวะ การรองรับแอปพลิเคชั่นและการทำงานโดยไม่มี GMS ไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ เพราะทางหัวเว่ยได้พัฒนา Huawei Mobile Service (HMS) มาทดแทนในส่วนนี้ได้ดี ซึ่งเราอาจต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อให้ชินกับมันเล็กน้อย แต่เมื่อใช้ไปเรื่อย ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกติดขัดอะไร เพียงแต่ต้องลองเปิดใจค่ะ ในส่วนของการทำงานร่วมกับ HUAWEI Smart Keyboard เป็นการเสริมแรงที่ดีมาก เพราะคีย์บอร์ดได้เข้ามาลดข้อจำกัดของการทำงานลงไปได้เยอะ ซึ่งส่วนตัวมองว่าหากเน้นการทำงานหรือการเรียนแบบทั่วไป ไม่ได้ต้องการวาดภาพหรือจดโน้ต การมีคีย์บอร์ดอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน ส่วนของการรับชมความบันเทิงก็ทำได้ดีทั้งการแสดงผลของภาพและเสียง เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่คุ้มมาก ๆ ในราคาเพียง 9,990 บาทค่ะ


6
บริหารจัดการอาคาร: ตำแหน่งที่เหมาะแก่การติดกล้องวงจรปิด !

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลายบ้านมีการใช้เทคโนโลยีในการสร้างความอุ่นใจให้กับบ้านของตัวเอง นั่นก็คือ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อที่จะได้ตรวจดูบ้านของตัวเองได้ เวลาที่เราไม่อยู่บ้าน ซึ่งในสมัยนี้ กล้องวงจรปิดเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากในเรื่องความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ติดตั้งในอาคารสถานที่ต่างๆ แต่คนนิยมติดตั้งภายในที่พักอาศัยด้วย โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีเด็ก ก็มักจะติดตั้งไว้เพื่อความปลอดภัย โดยกล้องวงจรปิด เป็นเครื่องมือป้องกันการโจรกรรม การทำลายทรัพย์สินและเหตุร้ายอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี มันไม่เพียงแต่ช่วยในการป้องกันทรัพย์สินโดยบันทึกภาพฟุตเทจแต่ยังลดเหตุร้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้


การที่สามารถเห็นภาพผ่านกล้องวงจรปิดช่วยในการจับภาพผู้ก่อเหตุร้ายและลดโอกาสในการก่อเหตุใดๆอีกด้วย บ้านที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อจับตาดูเด็กและผู้สูงอายุ ด้วยระบบกล้องวงจรปิดภายในบ้านทำให้คุณสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กและคนสูงอายุได้ ในขณะที่อยู่นอกบ้าน นอกจากนี้ บ้านไหนที่มีแม่บ้าน ก็ยังสามารถดูแม่บ้านได้ให้แน่ใจไม่มีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น แต่ในตำแหน่งไหนละที่เหมาะสมที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อที่จะได้ตรวจดูบริเวณบ้านได้อย่างทั่วถึง วันนี้ทางเราจะมาแนะนำการติดตั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งทางเราก็มีบริการในการติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วยเช่นกัน เพื่ออำนวยความสะอาดและสร้างความสบายใจให้กับคุณได้ โดยมีช่างผู้เชี่ยวชาญและมีความน่าเชื่อถือ คอยให้คำแนะนำ หากสนใจติดตั้งกล้องวงจรปิด


สำหรับตำแหน่งการติดตั้งกล้องที่เราจะมาพูดถึงกัน ก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างในการติดตั้ง เช่น การติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างครอบคลุมพื้นที่ คือสามารถมองเห็นพื้นที่ในบริเวณที่ต้องการได้มากที่สุดนั่นเอง เช่น หากเราต้องการติดกล้องวงจรปิดในบริเวณบ้าน ควรเลือกจุดที่สามารถมองเห็นได้ครอบคลุมบริเวณมากที่สุด เพื่อที่จะสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวในมุมกว้าง และจับภาพได้ดีแม้จะมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ตาม หรือหากต้องการติดตั้งในบริเวณภายนอกอาคาร ก็ถือว่าเป็นอีกจุดที่ควรมีการติดตั้งเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการติดตั้งกล้องภายนอกอาคาร จะสามารถเตือนภัยได้ล่วงหน้าในกรณีที่เกิดการบุกรุก


ในปัจจุบันมีกล้องวรจรปิดหลายรุ่นที่สามาถส่งสัญญาณแจ้งเตือนมายังมือถือเมื่อตรวจจับพบการเคลื่อนไหว ทำให้เราสามารถป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถยับยั้งได้ทัน เราก็ยังมีโอกาสที่จะได้ภาพของคนร้ายเมื่อเดินทางออกจากที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจถอดเครื่องปกปิดตัวเองออก เช่น หมวก หรือหน้ากาก ซึ่งสามารถทำให้ได้ใบหน้าของผู้ร้ายมา หรืออาจจะสามารถบันทึกภาพยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการติดตามตัวผู้ร้ายต่อไป ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดไม่ควรติดตั้งอยู่ต่ำจนเกินไป เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกขโมย และการทุบทำลาย จึงควรติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูงพอสมควรเพื่อให้ได้ภาพในมุมที่กว้างขึ้น


นอกจากนี้ เราจะต้องคำนึงในเรื่องของแสงด้วย ในตำแหน่งที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดไม่ควรเป็นบริเวณที่มีแสงตกกระทบที่หน้ากล้องโดยตรง เพราะอาจส่งผลต่อการจับภาพของกล้องได้ และการติดตั้งกล้องภายนอกอาคารก็ไม่ควรให้กล้องจับภาพไปยังส่วนที่เป็นท้องฟ้ามากเกินไป เพราะระบบการปรับภาพอัตโนมัติของกล้อง ที่ต้องการปรับภาพให้สมดุลกันนั้นอาจทำให้ส่วนอื่นของภาพดูมืดกว่าเดิมได้ จึงควรเลือกปรับมุมกล้องให้เหมาะสมนั่นเอง และนี่เป็นตำแหน่งในการเลือกตำแหน่งเพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิด โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงมุมกล้องและสภาพบริเวณโดยรอบ เพื่อให้กล้องวงจรปิดสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น หากใครสนใจที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิด อย่าลืมคำนึงถึงช่างที่จะเข้ามาทำการติดตั้งด้วยว่าจะต้องมีความน่าเชื่อถือ หรือใช้ช่างของบริษัทที่มีความเป็นมืออาชีพ สามารถตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง


หากสนใจจะติดตั้งกล้องวงจรปิด สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้เพราะเราเป็นผู้ให้บริการในเรื่องของความปลอดภัยของอาคารบ้านเรือน มีบริการติดตั้งระบบต่างๆภายในที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าต้นกำลังและระบบจ่ายไฟฟ้าภายในอาคาร ระบบสุขาภิบาล และระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบปรับอากาศ และหมุนเวียนอากาศ ระบบงานบำรุงรักษาโครงสร้างอาคาร ระบบป้องกันเพลิง และระบบสื่อสาร และกล้องวงจรปิด แถมยังสามารถวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารที่มีประสิทธิภาพ และอยู่ในงบประมาณที่สมเหตุสมผล ภายใต้ความปลอดภัยของลูกค้ามากที่สุด

7
จัดฟันบางนา: เด็กควรใช้ ไหมขัดฟัน เมื่ออายุเท่าไหร

ไหมขัดฟัน เป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดชนิดหนึ่งในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพราะบางครั้งอาจจะมีเศษอาหารหรือคราบแบคทีเรียที่ติดอยู่ตามซอกฟัน ก่อนจะกลายเป็นคราบหินปูน ซึ่งเป็นคราบแข็งก่อตัวขึ้นที่ฟันและจำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์เพื่อกำจัดคราบหินปูน การใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอทุกวันและถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุหรือโรคทางทันตกรรมอื่นๆได้

หลายคนเกิดความสงสัยว่า แล้วในเด็ก ควรจะใช้ไหมขัดฟันหรือไม่ และมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ก่อนอื่นจะต้องมาดูถึงวิธีการเลือกซื้อ ไหมขัดฟันก่อนว่า เราเหมาะสมที่จะใช้แบบไหน การเลือกใช้ไหมขัดฟันควรเลือกชนิดที่มีเส้นไหมขนาดเล็ก แบน และแผ่ออกได้เมื่อผ่านซอกฟัน สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้ อาจเลือกใช้ไหมขัดฟันชนิดเคลือบขี้ผึ้งเพื่อความสะดวกในการใช้งาน หากใช้จนชำนาญแล้วอาจเลือกใช้ไหมขัดฟันชนิดไม่เคลือบขี้ผึ้ง เพราะมีความคมมากกว่า สามารถขจัดคราบหินปูนเกิดใหม่ได้ดีกว่า หรือหากต้องการใช้ไหมขัดฟันให้เหมาะสมอาจจะปรึกษาทันตแพทย์ในการเลือกใช้ไหมขัดฟันให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้

หลายคนเกิดความสงสัยว่า ไหมขัดฟันนั้นเด็กสามารถใช้ได้หรือไม่ ต้องบอกก่อนว่าไหมขัดฟันนั้นมีประโยชน์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพฟัน ไหมขัดฟันจะช่วยทำความสะอาดบริเวณซอกฟันที่ขนแปรงสีฟันเข้าไปทำความสะอาดไม่ถึง ทำให้ป้องกันการเกิดฟันผุ การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำอย่างถูกต้องจะช่วยลดฟันผุที่ซอกฟันได้ สำหรับเด็กสามารถเริ่มใช้ไหมขัดฟันได้ตั้งแต่มีฟัน 2 ซี่แรกขึ้นภายในช่องปาก หากฟันชิดกันก็เริ่มใช้ได้เลยเนื่องจากการใช้ไหมขัดฟันจะช่วยกำจัดเศษอาหารและคราบแบคทีเรียตามซอกฟันที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง ควรใช้ไหมขัดฟันให้เด็กเริ่มตั้งแต่อายุ 4 ปี

ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะสามารถทำได้เองก่อนที่จะอายุ 8 ปี โดยไหมขัดฟันไม่มีแยกสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ สามารถใช้ด้วยกันได้ นอกจากนี้ไหมขัดฟันมีหลายชนิดในท้องตลาด ทั้งแบบอาบขี้ผึ้งหรือไม่อาบขี้ผึ้ง มีกลิ่นรสหรือไม่มี เส้นกลม เส้นแบน เป็นแถบ เป็นใยถัก ในการเลือกซื้อไหมขัดฟัน เราสามารถเลือกให้ขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของผู้ใช้เป็นหลัก ควรใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพราะคราบขี้ฟันจะพอกพูนเกาะฟันภายใน 24 ชั่วโมง เราใช้ไหมขัดฟันก่อนหรือหลังแปรงฟันก็ได้ตามสะดวก โดยทั่วไปเด็กจะสามารถใช้ไหมขัดฟันได้เองอย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออายุประมาณ 11 ปี แต่ถ้าหากต้องใช้ไหมขัดฟันในอายุที่น้อยกว่า 11 ปี ผู้ปกครองควรดูแลและแนะนำให้ใช้อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลฟันน้ำนมของลูกน้อยเป็นอย่างดีตั้งแต่ยังเล็กๆ ถึงแม้ว่าฟันน้ำนมของเด็กจะหลุดไปเองก็ตาม แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ฟันน้ำนมมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เด็กบดเคี้ยวหรือกัดอาหาร และการออกเสียงที่ชัดเจน นอกจากนี้ฟันน้ำนมยังสร้างพื้นที่เตรียมไว้สำหรับการขึ้นของฟันแท้ในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย นอกจากนี้เด็กควรเริ่มหัดแปรงฟันเองเมื่อลูกอายุครบ 2 ขวบ ให้บีบยาสีฟันปริมาณน้อยๆ เท่านั้น เพราะเด็กเล็กๆ มักจะชอบกลืนยาสีฟันขณะแปรงฟัน และไม่ยอมบ้วนออกมา

ดังนั้นควรมีพ่อแม่ผู้ปกครองดูแลขณะแปรงฟัน และถ้าหากมีฟันงอก 2 ซี่ชิดกัน ก็จะต้องสอนให้เด็กใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง จะใช้ไหมขัดฟันแบบธรรมดาหรือแบบมีด้ามจับพลาสติกก็ได้ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และยังเป็นการป้องกันฟันผุอีกด้วย ทั้งนี้หากคุณสนใจเข้ารับการตรวจฟัน หรือสนใจเข้ารับการรักษาทางทันตกรรม สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลีนิกได้ เพราะทางเรามีทัมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน สามารถให้คำแนะนำได้อย่างเต็มที่ เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันของตัวคุณเอง


8
ทริปเดินทางเที่ยววัด ไหว้พระวันเดียวครบ 7 วัดในกรุงเทพฯ

สำหรับใครที่ชอบทำบุญ แต่ไม่อยากเดินทางไปไหนไกลหรือไม่อยากลางาน วันนี้มี 7 วัดในกรุงเทพมาแนะนำ ให้คุณได้เดินทางไปทำบุญ สักการะขอพรกันแบบประหยัดเพราะเดินทางง่ายๆ ซึ่งจะมีวัดไหนน่าชวนครอบครัวไปบ้าง ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย

1. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง)
วัดในกรุงเทพที่ผู้คนนิยมมาทำบุญ สักการะขอพร วัดสระเกศ เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ด้วยพุทธสถานที่โดดเด่น ตั้งอยู่สูงสง่าใจกลางเมืองใหญ่ มีเจดีย์สีทองอร่ามส่องประกายสะท้อนแสงวิบวับทั้งยามกลางวันและกลางคืนอยู่ด้านบนสุด จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนกรุงเทพ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างแวะเวียนเข้ามากันอย่างไม่ขาดสาย

ที่อยู่ : ริมคลองมหานาคและคลองรอบกรุง แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จ.กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 07.30 - 19.00 น.

2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดอรุณ)
วัดอรุณราชวราราม หรือที่นิยมเรียกกันในภาษาพูดว่า วัดแจ้ง หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า วัดอรุณ วัดโบราณสร้างในสมัยกรุงธนบุรี สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ พระปรางค์ ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ถ้วยชามเบญจรงค์ และเปลือกหอย รูปปั้นยักษ์ ซึ่งมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับยักษ์วัดแจ้งแห่งนี้คู่กับยักษ์วัดโพธิ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจากนี้ก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ ในวัดอรุณฯ ได้แก่ พระอุโบสถ พระวิหารหลวง หอสมุดสมเด็จพระพุฒาจารย์ ซุ้มประตูยอดมงกุฎ หอระฆัง ภูเขาจำลอง และพระพุทธรูปต่าง ๆ

ที่อยู่ : 158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ จ.กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.00 - 18.00 น.

3. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองของแผ่นดินสยาม รวมถึงใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาที่สำคัญ ภายในวัดพระแก้วมีพระอุโบสถ เป็นอาคารประธาน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต มีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีซุ้มประดิษฐานเสมา ภายในพระอุโบสถได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม

ที่อยู่ : ถนน หน้าพระลาน แขวง พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จ.กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.30 - 15.30 น.

4. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธารามวัดเก่าที่เมืองบางกอกครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง มีพุทธศาสนสถานสำคัญคือ พระอุโบสถ ซึ่งมีพระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในพระอุโบสถ ภายในองค์พระบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ฐานชุกชีประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ 1 และพระเจดีย์ อาจเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรแห่งเจดีย์ มี 99 องค์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีความพิเศษคือ พระมหาเจดีย์ 4 องค์

ที่อยู่ : 2 ถนน สนามไชย แขวง พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จ.กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.00 - 18.30 น.

5. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดสุทัศน์)
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร มีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่อายุมากกว่า 200 ปี เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 มีพระราชดำรัสให้สร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2350-2351 ในพื้นที่ของพระนครชั้นใน ภายในวัดมีสิ่งสำคัญต่าง ๆ อาทิ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระวิหารหลวง พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ นอกจากนี้วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญทางศาสนาของบ้านเมือง โดยในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 10 พุทธศักราช 2562 ที่นี่ได้เป็นสถานที่เสกน้ำอภิเษกรวมจากทั้ง 76 จังหวัด พร้อมทั้งจากกรุงเทพฯ, น้ำจากเบญจสุทธิคงคา และน้ำจากสระ 4 สระของจังหวัดสุพรรณบุรี รวมคนโทน้ำอภิเษก 86 ใบ อีกด้วย

ที่อยู่ : 146 ถนนบำรุงเมือง แขวงวัดราชบพิตร เขตพระนคร จ.กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.00 - 21.00 น.

6. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (วัดกัลยาณ์)
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หรือ วัดกัลยา พระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ฝั่งใต้ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ได้อุทิศบ้านและซื้อที่ดินข้างเคียงเพิ่มเติม สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๘ แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระราชทานนามว่า วัดกัลยาณมิตร และทรงสร้างพระราชทานทั้งพระวิหารหลวงและพระประธานสำหรับพระวิหารหลวง คือ หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงโดยเฉพาะในหมู่ชาวจีน เรียกชื่อแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง ภายในพระอุโบสถซึ่งมีขนาดเล็กกว่าพระวิหาร มีจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง พุทธประวัติที่แทรกเรื่องราวชีวิตชาวบ้านชาวเมืองสมัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งนอกจากจะมีคุณค่าทางวัฒนธรรมแล้ว ยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์สังคมอย่างยิ่งอีกด้วย

ที่อยู่ : 371 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี จ.กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 10.00 - 20.00 น.

7. วัดหัวลำโพง พระอารามหลวง
วัดหัวลำโพง พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เดิมชื่อวัด วัวลำพอง มีพระประธานในโบสถ์ คือพระปางมารวิชัย สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และมีปูชนียวัตถุที่สำคัญอื่น ๆ ในพระอุโบสถคือ พระพุทธมงคล พระอัครสาวกหน้าอุโบสถ คือพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรหรือหลวงพ่อดำและองค์จำลอง ส่วนชั้นล่างและชั้นกลางเป็นห้องโถงเอนกประสงค์ เขียนภาพจิตรกรรมเพดานและฝาผนัง ชุดวรรณคดีไทย ชาดก และประเพณีไทยทั่วประเทศ ผู้คนนิยมเดินทางมากราบไหว้ขอพรพระปางมารวิชัย ให้พ้นภัยจากศัตรู ทั้งจากการงาน และการเงินต่างๆ นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิเช่น การไหว้พระพุทธรูปปางต่าง ๆ การไถ่ชีวิตโคกระบือ การถวายสังฆทาน การทำบุญบริจาคเงินซื้อที่ให้วัด เป็นต้น

ที่อยู่ : 728 ถ.พระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก จ.กรุงเทพฯ
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน

9
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


10
motor show: Toyota เริ่มผลิตแบตเตอรี่ Solid-State ภายใน 2026 แน่นอน รับรองโดยรัฐบาลญี่ปุ่น

Toyota คาดว่าเป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์รายแรก ๆ ที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ solid-state โดยค่ายสามห่วงได้กล่าวถึงแผนรถไฟฟ้าพร้อมแบตฯ โซลิดสเตทมาหลายปี แต่คราวนี้แผนดังกล่าวเริ่มใกล้ความจริงแล้ว เพราะกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ของญี่ปุ่น ได้ตรวจสอบแผนการนี้แล้ว โดยรถที่มีแบตเตอรี่โซลิดสเตทของโตโยต้าจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการภายในปี 2026
 
ช่วงแรกจะผลิตน้อย และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
 
สำหรับการผลิตรถที่มีแบตเตอรี่โซลิตสเตทในช่วงแรกจะมีจำนวนค่อนข้างจำกัด แต่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนถึงปี 2027 และ 2028 แม้อาจจะมีเหตุการณ์ที่ต้องเลื่อนการผลิตบ้าง อย่างไรก็ตาม Toyota Times ระบุว่า แผนการผลิตเต็มกำลังจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป
 
ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุดโดย Toyota ระบุว่า การผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตทจะ “เริ่มตั้งแต่ปี 2026” และจะ “ค่อย ๆ ดำเนินการเพิ่ม (การผลิต) ขึ้นเรื่อย ๆ” นอกจากแบตเตอรี่โซลิดสเตทแล้ว Toyota ยังผลิตแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงเจเนอเรชั่นถัดไป (ผลิตโดยบริษัท third party ของโตโยต้าทั้งหมด 2 ใน 3 บริษัท) ควบคู่กันไปด้วย เพิ่อให้ได้เป้าหมายการผลิตที่ 9 กิกะวัตต์-ชั่วโมง

แผนการที่ Toyota ประกาศ คือการผลิตแบตเตอรี่ Solid-State และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีข้อสังเกตว่า “เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้อุปกรณ์จำนวนมากซึ่งต้องมีการลงทุนขนาดใหญ่ในโรงงานที่สำคัญ”
 
“เพื่อรักษาและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและเทคโนโลยีภายในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมอุปกรณ์และผู้ผลิตวัสดุ โดยเป็นสิ่งที่รัฐบาล (ญี่ปุ่น) ให้การสนับสนุน”
 
 
แบตเตอรี่ Solid-State จาก Toyota จะวิ่งได้ไกลถึง 1,200 กม./ชาร์จ
 
แบตเตอรี่ Solid-State ใหม่จาก Toyota ให้สัญญาว่าจะสามารถชาร์จได้เร็วขึ้น (0-100% ภายใน 10 นาที) และให้ระยะทางขับขี่ไกลสุด 1,000 กม./ชาร์จ (WLTP) ในช่วงแรก และจะอัพเกรดเป็น 1,200 กม./ชาร์จ ในภายหลัง
 
ก่อนหน้านี้ Toyota ประกาศว่าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โซลิดสเตทในปี 2020 แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้น โดยค่ายสามห่วงให้เหตุผลว่ากำลังรอการพัฒนาให้การผลิตเป็นไปได้ในโลกความเป็นจริง
 
หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายน 2023 Toyota ประกาศว่าได้พัฒนาแบตเตอรี่ให้วิ่งไกลขึ้นอีก 20% ในทางทฤษฎี จนทำให้ถึง 1,200 กม./ชาร์จ ได้แล้ว
 
รถคันแรกที่ใช้ Solid-State จาก Toyota จะเป็นรถไฮบริด?
 
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า รถ Toyota รุ่นแรกที่ใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตทจะเป็นรถไฮบริด ไม่ใช่รถไฟฟ้า 100% แต่อย่างใด ซึ่งค่อนข้างสมเหตุสมผล เพราะในช่วงแรก ต้นทุนของแบตเตอรี่ solid-state จะยังสูง อาจส่งผลให้ราคาของรถสูงเกินไป หากนำมาใช้กับรถไฮบริดซึ่งใช้แบตฯ เล็กกว่า ก่อน จะไม่ส่งผลต่อราคารถมากนัก
 

ค่ายอื่นก็พัฒนาแบตเตอรี่ Solid-State เหมือนกัน
 
Toyota ไม่ได้เป็นค่ายรถเจ้าเดียวที่จะใช้แบตเตอรี่ Solid-State ในรถเท่านั้น ค่ายยักษ์ใหญ่จากจีน SAIC ซึ่งเป็นเจ้าของ MG ในปัจจุบัน กล่าวว่าจะเปิดตัวรถผลิตจริงที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่โซลิดสเตทภายในปี 2025 แบรนด์จากเครือเดียวกันอย่าง IM Motor ได้เปิดตัว L6 รถที่ใช้แบตเตอรี่ semi-solid-state ความจุ 133 kWh ที่ขับขี่ได้ถึง 1,000 กม./ชาร์จ (CLTC) และการชาร์จเพียง 12 นาทีก็เพิ่มระยะทางได้ถึง 400 กม. เลยทีเดียว

11
ขายรถไมล์น้อย Toyota Yaris Smart ปี 2023 ยอดนิยมอันดับหนึ่ง

โตโยต้า Toyota Yaris Smart ปี 2023
YARIS Smart อีโคคาร์แฮทช์แบ็ค ยอดนิยมอันดับหนึ่ง รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ปี 2566 ที่มากับคอนเซ็ปต์ “Open Up Your Life…เปิดโลกใหม่ได้อีกเยอะ” ด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมสมรรถนะการขับขี่คล่องตัว และมีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถยนต์โตโยต้า “Toyota Safety Sense”

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
เงื่อนไข โปรโมชั่น ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.29% ตลอดอายุสัญญา
วารันตี 2ปี

ราคาพิเศษ 469,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Toyota
   รุ่น                   โตโยต้า Toyota Yaris Smart ปี 2023
   ประเภทรถ          รถเก๋ง 5 ประตู, Eco Car - รถอีโคคาร์
   ปีที่เปิดตัว          2023


12
ออล นิว ไทรทัน: Mitsubishi Triton Athlete สปอร์ตพันธุ์เข้ม หล่อครบจากโรงงาน พร้อมลุยเต็มพิกัด

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ Mitsubishi ได้แนะนำและส่งกระบะจากค่ายที่มาพร้อมความพิเศษกับการตกแต่งหล่อครบจากโรงงานในชื่อ Mitsubishi Triton Athlete รถกระบะที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตรอบคันรวมถึงภายในที่ได้รับการตกแต่งพร้อมล้อหมุนกันได้เลย ซึ่งมาในพิกัดของตัวถังรุ่น Double Cab 4 ประตูทั้งรุ่นยกสูง Plus และขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD

อีกโอกาสอันดีที่ทาง Mitsubishi ได้เชิญทีมงาน AutoDeft.com ร่วมขับทดสอบ Mitsubishi Triton Athlete บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ สัมผัสกันทั้งเส้นทางบนถนนในเมืองและนอกเมือง รวมไปถึงเส้นทางออฟโรดจริงที่ให้ได้ทดสอบใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ของ Mitsubishi Triton Athlete อันชาญฉลาดกันเล็กน้อย

แรกเห็นความโดดเด่นของ Mitsubishi Triton Athlete ภายนอกมาพร้อมชุดแต่ง 19 รายการ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีดำ ชุดตกแต่งกันชนหน้า สไตลิ่งบาร์ ล้อสีดำขนาด 17 นิ้ว โป่งซุ้มล้อสีดำ มือจับประตู ครอบกระจกมองข้าง เป็นต้น รวมไปถึงการตกแต่งรอบคันด้วยเส้นสายสีส้มที่ทำให้ตัวรถ มีความเฉียบคมมากขึ้นและช่วยสร้างความโฉบเฉี่ยวซึ่งอิงสีสันที่ใช้มาจากยุโรปนั้นเอง

ส่วนภายในนั้น Mitsubishi Triton Athlete ได้รับการตกแต่งในโทนสีส้มดำ เบาะนั่งหนังส่วนรอบนอกเป็นสีดำและส่วนกลางเป็นสีส้ม พร้อมปักคำว่า Athlete สีส้มบ่งบอกความพิเศษให้กับรุ่นนี้ และการตกแต่งอื่นๆ กับพวงมาลัยหุ้มหนังเดินตะเข็บส้ม ทั้งบริเวณแผงประตู และเบาะที่นั่งด้วยเช่นกัน และยังมีพรมปูพื้นสีดำขอบส้มพร้อมคำว่า Athlete สีส้มมาให้อีกด้วย


พร้อมออกเดินทางจากย่านอโศกใจกลางเมืองลัดเลาะการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นช่วงสายก่อนที่จะล้อหมุนขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าไปทางรังสิต การขับขี่ไปกับ Mitsubishi Triton Athlete นั้น ให้การควมคุมที่ค่อนข้างทำได้ดีสำหรับรถกระบะที่ปกตินั้นตัวรถค่อนข้างยาวใครที่ไม่เคยขับขี่อาจจะต้องใช้ความคุ้นเคยกันเล็กน้อยเพื่อกะระยะต่างๆ แต่ด้วยปัจจุบันนี้รถกระบะก็ได้ใส่ตัวช่วยและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามากมายก็ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดายใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งที่พร้อมมอบความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ที่มากกว่า

การขับขี่ Mitsubishi Triton Athlete ช่วงเส้นทางออกนอกเมืองพละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดพร้อมสปอร์ตโหมด ก็ให้พละกำลังที่เหลือเฟืองทั้งการทำความเร็วหรือการเร่งแซง บวกกับช่วงล่างที่ถูกเซ็ตมานุ่มหนึบก็มอบความสะดวกสบายให้กับการเดินทางในทุกที่นั่งโดยสาร จะมาอาการเต้นๆ เล็กน้อยเมื่อขับผ่านรอยต่อถนน แต่จะไม่ได้รู้สึกระด้างเท่าใดนัก ซึ่งในกรณีที่ขับบนถนนที่ไม่เรียบเท่าใดนักก็จะพบกับอาการเต้นๆ เล็กน้อย และด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II แบบเดียวกับรุ่น Pajero Sport และระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-lock เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ก็ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย ซึ่งเป็นอีกจุดหมายปลายทางต่อไปที่ทาง Mitsubishi จะพาไปให้ได้สัมผัสกัน

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงยังสนามทดสอบออฟโรดในเขาใหญ่ ในช่วงของการทดสอบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ของ Mitsubishi Triton Athlete ให้ได้ทดสอบทั้งโหมด 4H (4WD High-Range) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time – All Wheel Control ที่สามารถขับขี่ได้บนเส้นทางปกติที่จะช่วยเพิ่มการเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น มีการส่งกำลังหน้าหลังในอัตราส่วน หน้า 40% และล้อหลัง 60% ในโหมด 4HLc (4WD High-Range with Locked Transfer) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง และโหมด 4LLc (4WD Low-Range with Locked Transfer) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำพร้อมเฟืองท้าย Rear Diff Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ก็ช่วยให้เราผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดายกับช่วงของการทดสอบสั้นๆ ที่มีทั้งหลุม หินก้อนเล็กและใหญ่ให้ได้ลองขับผ่านกัน

ก่อนที่จะเดินทางมู่งสู่จุดชมวิวผาตรอมใจ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใครที่เคยไปเที่ยวพักผ่อนจะพอนึกภาพออกกับสภาพเส้นทางที่เป็นแบบเลนสวน ทางโค้งไปโค้งมาหลากรูปแบบ รวมไปถึงเส้นทางขึ้นและลงเขา การขับขี่ Mitsubishi Triton Athlete รวมถึงการนั่งโดยสารให้ความมั่นใจได้อย่างดี ในช่วงของการขับขี่เองตอบโจทย์ทั้งพละกำลัง การควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ และช่วงล่างที่มอบความมั่นใจในการเกาะถนนบวกกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบตลอดเวลา ไม่นานพวกเราก็มาถึงยังจุดชมวิวผาตรอมใจ สูดอากาศนั่งชิวกันสักพักก่อนที่จะเดินทางกลับออกมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดสิ้นสุดการทดสอบที่โรงแรม ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติที่มาพร้อมสปอร์ตโหมดให้ผู้ขับขี่เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการนี้เอง ก็ช่วยทำให้ขาลงเขาสามารถใช้เกียร์ต่ำกับการ engine brake เพื่อการขับลงเขาอย่างปลอดภัย

ซึ่งนอกจากด้านสมรรถนะในการขับขี่แล้ว Mitsubishi Triton Athlete ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเครื่องเล่น DVD แบบจอสัมผัส เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้าน พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift เบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านคนขับ ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่ม Push Start ติดตั้งที่นั่งตอนหลังพร้อมพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง (Rear Seat Headrest X3) ที่ต้องยอมรับเลยว่าพื้นที่การโดยสารด้านหลังของ Mitsubishi Triton เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเลยทีเดียว ด้วยตัวเบาะที่ลาดเอียงในองศาที่ได้ระดับไม่ตั้งชันและเอนมากจนเกินไปทำให้การนั่งโดยสารด้านหลังค่อนข้างสบายไม่น้อยแม้พื้นที่ของเบาะรองขาที่อาจจะสั้นไปนิดแต่การนั่งโดยสารในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ ก็ไม่ได้รู้สึกเมื่อยล้าแต่อย่างใด และเมื่อพูดถึงการนั่งในตำแหน่งขับขี่ตัวเบาะนั้นสามารถรองรับช่วงของหลังได้ค่อนข้างดีเต็มหลังเลยทีเดียว ทำให้การปรับท่านั่งและตำแหน่งเบาะให้เข้ากับการขับขี่ของแต่ละคนทำได้อย่างง่ายดาย บวกกับพวงมาลัยที่สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกและความถนัดของแต่ละคนได้อย่างดี


ด้านระบบความปลอดภัยใน Mitsubishi Triton Athlete มีทั้งระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC – Active Stability and Traction Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist System) และกล้องมองภาพหลังขณะถอยจอดพร้อมเส้นกะระยะ (Rear View Camera with Guiding Line) นอกจากนี้ยังมีจุดยึดเบาะเด็ก (ISOFIX) เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR และเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ ขณะที่ระบบความปลอดภัยเชิงรับประกอบด้วยคานเหล็กนิรภัยบริเวณประตูหน้าและหลัง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง บริเวณหัวเข่าด้านคนขับ และม่านถุงลมนิรภัย

สำหรับ Mitsubishi Triton Athlete นี้ มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อยให้เลือก รุ่น D/Cab Plus 2.4D MIVEC Athlete 6MT สนนราคา 879,000 บาท, รุ่น D/Cab Plus 2.4D MIVEC Athlete 5AT สนนราคา 924,000 บาท และรุ่น D/Cab 4WD 2.4D MIVEC Athlete 5AT สนนราคา 1,111,000 บาท เมื่อเปรียบเทียบราคาที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น GLS-LTD ในรุ่น รุ่น D/Cab Plus เพิ่มขึ้น 48,000 บาท และเพิ่มขึ้น 40,000 บาท ในรุ่น D/Cab 4WD


ทั้งหมดนี้เป็นอีกสัมผัสและการทดสอบไปกับ Mitsubishi Triton Athlete กระบะอเนกประสงค์ที่ออกมาตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องรถกระบะสี่ประตู และชื่นชอบความแตกต่างและการตกแต่งที่ได้มาตรฐานจากโรงงาน พร้อมหล่อลุยได้ตั้งแต่ออกจากโชว์รูม มั่นใจได้กับมาตรฐานและการรับประกันชิ้นส่วนที่ตกแต่งเพิ่มเติมเข้าไป บวกกับสมรรถนะการขับขี่และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีให้อยู่แล้ว จึงทำให้ Mitsubishi Triton Athlete เป็นอีกหนึ่งทางเลือกความคุ้มค่าที่น่าจะอยู่ในตัวเลือกการตัดสินใจของคุณได้ไม่มากก็น้อย โดยก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกรถรุ่นใด อย่าลืมที่จะหาโอกาสไปสัมผัสและทดลองขับด้วยตัวคุณเอง เพราะคุณเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่ารถคันนี้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้หรือไม่
 

13
เพราะเหตุใดเราจึงไม่ควรรับประทาน “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ในตอนที่เรากำลังลดน้ำหนัก

สุขภาพและการดูแลตัวเองเป็นของคู่กัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นการดูแลเรื่องอาหารการกินหรือรวมไปถึง การออกกำลังกาย จึงเป็นของคู่กันและเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เป็นอันเด็ดขาดเพราะฉะนั้น วันนี้เราจึงจะมาหาสาเหตุกันดีกว่า ถึงคนที่กำลังต้องการที่อยากจะ “ลดน้ำหนัก” ว่าทำไมในขณะที่อยู่ในกระบวนการเหล่านี้ ไม่ควรที่จะรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นอาหารที่เอาไว้ทานยามยากของใครหลายๆคนไม่ว่าจะเป็นมื้อดึกหรือมื้อที่เกิดความขัดสน หรือ ทานเมื่อไหร่ก็ได้ ที่อยากจะรับประทาน ก็สามารถที่จะเข้าถึงได้ง่ายด้วยราคาที่ย่อมเยาว์อิ่มท้องได้ง่ายๆ และในเวลาอันรวดเร็วอีกทั้งเมื่อไหร่ก็ได้ด้วยเช่นเดียวกัน แถมยังมีรสชาติให้เลือกมากมาย หลากหลายรูปแบบนั่นเอง


บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ซองให้พลังงานไม่มากเท่าไหร่นัก จึงอาจจะหยิบมากินเพื่อเป็นอาหารช่วงลดน้ำหนัก แต่อันที่จริงแล้วนะหลายคนมักจะมองเรื่องนี้ ผิดไปถึงแม้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะให้พลังงานที่ไม่มาก แต่ก็ไม่ควรนำมาเป็นอาหาร สำหรับการลดน้ำหนักไม่ว่าจะด้วย ประการใดก็ตามเพราะในองค์ประกอบโดยรวมไม่ว่าจะเป็นทั้ง

    มีปริมาณโซเดียมที่สูง ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพไต
    รสเค็มในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาจจะเพิ่มความอยากอาหารได้
    มีการวิจัยพบว่าส่งผลให้การเพิ่มความอยากอาหาร และรวมไปถึงปริมาณความต้องการไขมันในร่างกายได้มากกว่าปกติ

 

ทำไม? จึงไม่เหมาะกับคนที่กำลังออกกำลังกาย

สำหรับ อาหารสำเร็จรูป ในประเภท Ultra-processed foods เธอเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการทั้งปรุงรสผลิต และใช้สารเคมีต่างๆไม่ว่าจะเป็นทั้งสารกันเสีย หรือ สีผสมอาหาร น้ำเชื่อมฟรุกโตส หรือรวมไปถึงสารเพิ่มรสชาติต่างๆ ให้มีความอร่อยที่จะพบได้ จากขนมกรุบกรอบ หรือ ขนมห่อน้ำอัดลมอาหารปรุงสุกแช่แข็ง หรือซุปกระป๋องและรวมไปถึงก็มีกึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งไม่เหมาะสมต่อผู้ที่กำลังมีความต้องการที่อยากจะลดน้ำหนัก เพราะอาจจะส่งผลให้เรานั้นมีความต้องการ อาหารหรืออยากอาหารมากยิ่งขึ้นรวมไปถึง การคุมตัวเองได้น้อยลง และรับประทานได้มากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่รู้ตัวอีกด้วย

ซึ่งถือได้ว่า ถ้าหากอยากจะเลือกอาหารในการรับประทานได้ง่ายๆ ในช่วงเวลาของการลดน้ำหนักที่ให้พลังงานไม่มากหรือไม่ สูงจนเกินไปควรที่จะลดอาหารแปรรูป และรวมไปถึงการเน้นอาหารแบบที่เป็นอาหารสดจริงๆ ดีกว่าไม่ว่าจะเป็นทั้ง น้ำพริก ผักต้ม ผักสด ไข่ต้ม ปลานึ่ง แกงส้ม หรืออาหารจริงๆ ที่ผ่านการปรุงเสร็จ แบบใหม่ที่ดีต่อสุขภาพจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย

จึงสรุปได้ว่าการเลือกรับประทานอาหาร จะเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อสุขภาพในช่วงเวลาที่เรากำลังควบคุมน้ำหนัก เราจึงไม่อยากจะแนะนำให้รับประทาน อาหารสำเร็จรูปหรือรวมไปถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพราะมันจะมีสารบางตัว ที่ช่วยทำให้เราอยากอาหารมากยิ่งขึ้น และด้วยความเค็ม ของมัน อาจจะทำลายไตได้ด้วยเช่นเดียวกัน

14
คอนโดติดรถไฟฟ้า ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ - ปากเกร็ด สเตชั่น (Lumpini Place Chaengwatthana-Pakkret Station)
เริ่มต้น 2.4 ลบ. 

ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ - ปากเกร็ด สเตชั่น (Lumpini Place Chaengwatthana-Pakkret Station)
พบกับคอนโดใหม่ใกล้รถไฟฟ้าเพียง 400 ม. ถึงสถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 เร็วๆ นี้

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ               ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ - ปากเกร็ด สเตชั่น (Lumpini Place Chaengwatthana-Pakkret Station)
 เจ้าของโครงการ          ลุมพินี-LPN ดีเวลลอปเมนท์
 ราคา                       เริ่มต้น 2.4 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล             คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด           High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           สตูดิโอ, 1 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี              ตั้งแต่ 23.50 ถึง 35.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด              3 ไร่ 1 งาน 2 ตร.ว.
 จำนวนตึก                  1 อาคาร
 จำนวนชั้น                   26 ชั้น
 จำนวนห้อง                 536 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด          ประมาณ 198 คัน
 ค่าบำรุงส่วนกลาง        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค            สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ร้านซัก อบ รีด, สวนหย่อม, Co-Working Space, ที่จอดรถ, สนามเด็กเล่น, Sky Garden

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        นนทบุรี, บางบัวทอง, บางใหญ่, ปากเกร็ด
 ที่ตั้ง         ซอยแจ้งวัฒนะ 17 ถนนแจ้งวัฒนะ - ปากเกร็ด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด นนทบุรี

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีชมพู, สถานี(แคราย - มีนบุรี)(แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ
บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า แจ้งวัฒนะ
ศูนย์การค้า บีไฮฟ
เมเจอร์ฮอลลีวู้ด ปากเกร็ด
แม็คโคร แจ้งวัฒนะ
เทสโก้ โลตัส แจ้งวัฒนะ
อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ดิอเวนิว แจ้งวัฒนะ
บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม)
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
โรงเรียนชลประทานวิทยา
มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช
ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์
โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
โรงพยาบาลกรุงไทย
โรงพยาบาลวิภารามปากเกร็ด
โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา นันทภิกขุ ชลประทาน

15
หมอประจำบ้าน: โรคแอคติโนมัยโคซิส (Actinomycosis)

Actinomycosis หรือโรคแอคติโนมัยโคซิส เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียแบบเรื้อรังหรือแบบที่เกิดอาการอย่างช้า ๆ สามารถพบได้ตามอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณปาก จมูก ลำคอ ปอด และช่องท้อง โดยอาการที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันออกไปตามตำแหน่งของการติดเชื้อ ซึ่งผู้ป่วยจะติดเชื้อนี้จากรอยแตกของผิวหนังหรือเยื่อบุอวัยวะ

แม้ว่าโรคนี้จะมีความรุนแรง แต่พบได้ยากและไม่ติดต่อจากคนไปสู่คนด้วยกัน อีกทั้งยังสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะซึ่งอาจกินระยะเวลานานหลายเดือนจนถึงหลายปี ในบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น


อาการของ Actinomycosis

เนื่องจากโรค Actinomycosis เกิดขึ้นได้ทั่วทั้งร่างกาย ผู้ป่วยจึงอาจมีอาการแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ติดเชื้อ เช่น

    คอและใบหน้า : เป็นส่วนที่พบได้มากที่สุดหรือประมาณ 50–70% อาจทำให้เกิดก้อนที่มักไม่สร้างความเจ็บปวดปวดบริเวณแก้ม รอบกราม หรือคอ มีปัญหาในการเคี้ยว กรามค้าง มีหนองไหลจากรูเปิดที่ผิวหนัง หรือมีไข้
    ปอด : ส่วนนี้พบได้ประมาณ 15–20% อาจทำให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ไอ มีเสมหะ หรือมีหนองไหลตามรูเปิดที่ผิวหนัง
    ช่องท้อง : พบได้ประมาณ 10–20% อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องผูก ปวดท้อง น้ำหนักตัวลดลง มีก้อนหรืออาการบวมบริเวณท้อง และมีหนองไหลหากมีรูเปิดที่ผิวหนัง
    อุ้งเชิงกรานหรือท้องน้อย : มักพบได้น้อยมาก อาจก่อให้เกิดอาการปวดท้องส่วนล่าง ตกขาวผิดปกติหรือเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ มีก้อนหรืออาการบวมบริเวณท้องส่วนล่าง

สาเหตุของ Actinomycosis

Actinomycosis เป็นผลจากการติดเชื้อแบคทีเรียในสกุล Actinomycetaceae โดยสายพันธุ์ที่พบการติดเชื้อในคน ได้แก่ A. israelii, A. naeslundii, A. viscosus และ A. odontolyticus ซึ่งโดยธรรมชาติจะอาศัยอยู่ภายในร่างกายอย่างบริเวณช่องปาก โพรงจมูก หรือช่องคลอดโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ทว่าหากเชื้อผ่านเข้าสู่เยื่อบุอวัยวะซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่คอยปกป้องอวัยวะดังกล่าวไปได้ก็อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อตามมา

โดยปัจจัยดังต่อไปนี้อาจไปเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ Actinomycosis ให้มากขึ้นได้

    การติดเชื้อที่คอและใบหน้า อาจเกิดจากฝีในช่องปากหรือฟันผุ การผ่าตัดภายในช่องปาก การบาดเจ็บบริเวณใบหน้าหรือช่องปาก เนื้อเยื่อถูกทำลายจากโรคมะเร็งหรือการฉายรังสี
    การติดเชื้อที่ปอด เป็นผลจากการสำลักอาหาร ทำให้เชื้อแบคทีเรียก่อโรคนี้ติดเชื้อที่บริเวณปอด
    การติดเชื้อในช่องท้อง อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบและแตกในช่องท้อง โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ การผ่าตัดช่องท้อง หรือการรับประทานสิ่งแปลกปลอมอย่างกระดูกไก่หรือก้างปลา
    การติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานหรือท้องน้อย มักเกิดในผู้ที่ใส่ห่วงอนามัยนานเกินกำหนด

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างภาวะภูมิคุ้มกันต่ำจากการใช้ยาหรือป่วยด้วยโรคบางชนิด และปัญหาร่างกายขาดสารอาหารที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรค Actinomycosis เช่นกัน


การวินิจฉัย Actinomycosis

เบื้องต้น แพทย์จะตรวจร่างกายและสอบถามอาการที่เกิดขึ้น และอาจตรวจเพิ่มเติมด้วยการเก็บตัวอย่างของเหลวอย่างหนอง เสมหะ หรือเนื้อเยื่อในบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ เพื่อส่งตรวจหรือเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ

อาจร่วมกับการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณที่ติดเชื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นโรค Actinomycosis จริง ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน อาทิ โรคมะเร็ง วัณโรค หรือการติดเชื้อแบคทีเรียโนคาร์เดีย (Nocardiosis)   


การรักษา Actinomycosis

แพทย์มักรักษาผู้ป่วย Actinomycosis ด้วยยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะยากลุ่มเพนิซิลลิน (Penicillin) มักเป็นชนิดฉีดเข้าทางหลอดเลือดและตามด้วยชนิดรับประทาน ส่วนยาชนิดอื่นที่มีการนำมาใช้ก็เช่น ยาเตตราไซคลิน (Tetracycline) ยาคลินดามัยซิน (Clindamycin) หรือยาอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) โดยส่วนใหญ่แล้วต้องได้รับยาติดต่อกันเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องระบายหนองที่อยู่ลึกออกหรือผ่าตัดนำส่วนที่เกิดรอยโรคออก เพื่อลดโอกาสในการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย สำหรับผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากการใช้ห่วงอนามัย แพทย์จะนำห่วงอนามัยออกเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อได้อีก


ภาวะแทรกซ้อนของ Actinomycosis

หากไม่ได้รับการรักษา Actinomycosis ในอวัยวะต่าง ๆ อย่างเหมาะสม กระดูกที่อยู่โดยรอบอาจได้รับผลกระทบและเกิดการติดเชื้อไปด้วย ซึ่งผู้ป่วยอาจต้องผ่าตัดเอากระดูกที่ติดเชื้อออกในท้ายที่สุด และแม้จะพบได้น้อยมาก แต่ Actinomycosis ที่เกิดขึ้นในโพรงจมูกอาจแพร่ไปสู่สมองและก่อให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ด้วย


การป้องกัน Actinomycosis

แม้ Actinomycosis จะเป็นปัญหาสุขภาพที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่เราควรป้องกันตัวเองหรือลดความเสี่ยงของโรคนี้อยู่เสมอ เช่น หมั่นดูแลสุขภาพในช่องปากให้สะอาดและแข็งแรง ตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน ออกกำลังกาย และรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ห่วงอนามัยและใช้ตามระยะเวลาที่กำหนด

หน้า: [1] 2 3 ... 37
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google