กลไกการทำงานของท่อลมร้อนที่ใช้ในอุตสาหกรรมท่อลมร้อนในอุตสาหกรรมเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบระบายอากาศ ซึ่งมีหน้าที่ในการเคลื่อนย้ายอากาศร้อนและอากาศเสียจากภายในโรงงานออกสู่ภายนอก หรือนำอากาศดีจากภายนอกเข้ามาในโรงงาน กลไกการทำงานของท่อลมร้อนมีดังนี้
1. การสร้างการไหลของอากาศ
พัดลม (Fans): พัดลมเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการสร้างการไหลของอากาศในระบบท่อลมร้อน พัดลมจะดูดอากาศจากบริเวณหนึ่งและผลักอากาศไปยังอีกบริเวณหนึ่ง ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของอากาศภายในท่อลมร้อน
ความดัน (Pressure): พัดลมจะสร้างความดันอากาศที่แตกต่างกันระหว่างด้านดูดและด้านส่ง ความแตกต่างของความดันนี้ทำให้เกิดการไหลของอากาศ อากาศจะไหลจากบริเวณที่มีความดันสูงไปยังบริเวณที่มีความดันต่ำกว่า
แรงดันสถิต (Static Pressure): แรงดันสถิตคือแรงดันที่อากาศกระทำต่อผนังท่อลมร้อน
แรงดันไดนามิก (Dynamic Pressure): แรงดันไดนามิกคือแรงดันที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศ
แรงดันรวม (Total Pressure): แรงดันรวมคือผลรวมของแรงดันสถิตและแรงดันไดนามิก
2. การเคลื่อนที่ของอากาศในท่อลมร้อน
การไหลแบบราบเรียบ (Laminar Flow): เป็นการไหลของอากาศที่เป็นระเบียบ โดยที่อนุภาคของอากาศเคลื่อนที่เป็นชั้นๆ ขนานกัน การไหลแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อความเร็วของอากาศต่ำ
การไหลแบบปั่นป่วน (Turbulent Flow): เป็นการไหลของอากาศที่ไม่เป็นระเบียบ โดยที่อนุภาคของอากาศเคลื่อนที่ในทิศทางที่ไม่แน่นอน การไหลแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อความเร็วของอากาศสูง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของท่อลมร้อนอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของอากาศ (Air Velocity): ความเร็วของอากาศในท่อลมร้อนมีผลต่อปริมาณอากาศที่สามารถเคลื่อนที่ผ่านท่อลมร้อนได้ในเวลาที่กำหนด และมีผลต่อแรงดันลด
ปริมาณการไหลของอากาศ (Airflow Rate): ปริมาณการไหลของอากาศคือปริมาตรของอากาศที่เคลื่อนที่ผ่านท่อลมร้อนในหนึ่งหน่วยเวลา
3. การควบคุมการไหลของอากาศ
แผ่นปรับปริมาณลม (Dampers): ใช้ในการควบคุมปริมาณอากาศที่ไหลผ่านท่อลมร้อน แผ่นปรับปริมาณลมสามารถปรับขนาดช่องเปิดเพื่อเพิ่มหรือลดปริมาณอากาศได้
วาล์ว (Valves): ใช้ในการควบคุมทิศทางการไหลของอากาศ หรือปิดกั้นการไหลของอากาศ
ระบบควบคุม (Control Systems): ในระบบที่มีความซับซ้อน อาจมีการใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติเพื่อควบคุมการทำงานของพัดลม แผ่นปรับปริมาณลม และวาล์ว เพื่อให้การไหลของอากาศเป็นไปตามที่ต้องการ
4. การระบายอากาศ
การระบายอากาศทั่วไป (General Ventilation): เป็นการระบายอากาศทั่วทั้งพื้นที่ เพื่อลดความเข้มข้นของสารปนเปื้อน และควบคุมอุณหภูมิ
การระบายอากาศเฉพาะจุด (Local Exhaust Ventilation): เป็นการระบายอากาศที่แหล่งกำเนิดของสารปนเปื้อนโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้สารปนเปื้อนแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น
การออกแบบและติดตั้งระบบท่อลมร้อนอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน