การทำการตลาดออนไลน์สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องสามารถวัดผลลัพธ์ได้ เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์ยอดขาย การเติบโตของธุรกิจ และประสิทธิภาพของการทำการตลาดในแต่ละช่องทาง ซึ่งเครื่องมือที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Google Analytics, Google Search Console หรือเครื่องมือจากแพลตฟอร์มต่างๆ ที่เราไปลงโฆษณาอาจมีรายงานให้เราสามารถดูได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งหากเราต้องการวัดผลลัพธ์ให้ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น สิ่งที่จะช่วยคุณได้คือการทำ UTM Tracking นั่นเอง เรามาลงรายละเอียดเพิ่มเติมกันว่า UTM คือ อะไร แล้วมีวิธีการวิเคราะห์ผลลัพธ์ยังไงบ้าง
UTM คือ
Urchin Tracking Modules หรือ UTM คือ Parameters หรือตัวแปรต่างๆ ที่เราใส่เข้าไปในท้าย URL เว็บไซต์เพื่อวัดผลลัพธ์ในเรื่องของการเข้าชมเว็บไซต์ ลูกค้ามาจากช่องทางไหน มาด้วยวิธีอะไร และมาจากแคมเปญอะไร รวมไปถึงลูกค้าที่เข้ามาจากแคมเปญนั้นๆ สามารถสร้างยอดขายให้เราได้หรือไม่
เมื่อเราใส่ตัวแปรต่างๆ เข้าไปด้วยจะทำให้ URL ของเรายาวขึ้น หากจะนำไปใช้แนะนำว่าควรเอาไปทำเป็น Short URL ย่อให้สั้นลงเสียก่อน เพื่อประหยัดพื้นที่ข้อความของเรา
องค์ประกอบของ UTM
จากตัวอย่างเราจะเห็นได้ว่าสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน URL ถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่ utm_source, utm_medium และ utm_campaign โดยพื้นฐานแล้วเราจะมี 3 อย่างนี้เพื่อให้เราติดตามแคมเปญได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถเพิ่ม utm_term และ utm_content เข้าไปได้อีก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนครับ
UTM Source
Source เราจะใช้สำหรับบอกแหล่งที่มาของผู้ชมเว็บไซต์ ลูกค้าของเรามาจากช่องทางไหน เช่น Facebook, Twitter, Instagram หรือชื่อเว็บไซต์ที่เรานำแบนเนอร์ไปฝากให้เค้าช่วยโปรโมท ยกตัวอย่างหากผมทำแคมเปญหนึ่งขึ้นมาแล้วเอาแบนเนอร์ไปโปรโมทในเว็บไซต์ smsmkt.com ตัวแปรที่ผมใส่เข้าไปก็คือ utm_source=smsmkt นั้นเอง
UTM Medium
Medium เป็นส่วนที่บอกกับเราว่าลูกค้าคนนั้นเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราด้วยวิธีไหน จะเป็นการคลิกแบนเนอร์ คลิกโฆษณา คลิกลิงก์ หรืออื่นๆ หากเรามีการใส่ลิงก์โปรโมทไว้หลายจุดในหน้าเว็บที่เราโปรโมท Medium ก็จะช่วยให้เราสามารถแบ่งแยก และวิเคราะห์วิธีที่ลูกค้าคลิกได้
แบนเนอร์ที่ควรใส่ UTM Tracking
ยกตัวอย่างเช่น แบนเนอร์ที่ผมนำไปโปรโมทเว็บไซต์ smsmkt มี 2 จุดด้วยกัน เป็นรูปแบบของ Popup และแบนเนอร์ด้านล่างเว็บไซต์ ตัว UTM ก็จะช่วยบอกเราว่าลูกค้าคลิกที่แบนเนอร์ชิ้นไหนมาที่เว็บไซต์ของเรา นั่นหมายความว่าแต่ละแบนเนอร์ควรทำ UTM แยกกัน เพื่อให้เราวัดผลได้ว่าแบนเนอร์ไหนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
Utm_campaign
ส่วนสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดที่เราจะใช้กันคือ Campaign เป็นส่วนที่ช่วยบอกกับเราว่าแคมเปญที่เราทำอยู่นั้นชื่ออะไร เป็นเรื่องอะไร ช่วยให้เราสามารถแยกแยะได้ในกรณีที่เรามีการทำโปรโมทหลายแคมเปญ
UTM Campaign
และอีก 2 องค์ประกอบที่เหลือ จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการวัดผลของคุณ
Utm_term : ใช้สำหรับบอก Keyword ที่ใช้ในแคมเปญนั้นๆ
Utm_content : ใช้สำหรับบอกเนื้อหาที่แตกต่างกันในแคมเปญนั้นๆ
วิธีการดูผลลัพธ์จาก UTM Tracking
วิธีการดูผลลัพธ์ของลิงก์ที่ติด UTM เราสามารถดูได้จากเครื่องมือ Google Analytics โดยจะแบ่ง 2 ส่วน ได้แก่
รายงาน Source/Medium
จะอยู่ในส่วนของเมนู Acquisition > All Traffic > Source/Medium
ใช้สำหรับดูแหล่งที่มา และวิธีที่ลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์
วิธีดูรายงาน Source และ Medium
รายงาน Campaign
จะอยู่ในส่วนของเมนู Acquisition > Campaign > All Campaign
ใช่สำหรับดู Traffic ที่มาจากแต่ละแคมเปญ
วิธีดูรายงาน Campaign
วิธีการทำ UTM Tracking
การลิงก์ UTM นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่เข้าไปที่ Campaign URL Builder แล้วใส่ตัวแปรที่เราต้องการติดตั้งเข้าไปตามช่องต่างๆ เมื่อครบแล้วก็ Copy ลิงก์ด้านล่าง พร้อมเอาไปใช้งานได้เลย!
Get Start
การติดตั้ง UTM จะช่วยให้คุณสามารถวัดผลลัพธ์ของ Traffic เว็บไซต์ และแคมเปญการตลาดออนไลน์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น วิเคราะห์และนำไปใช้ในการวางกลยุธ์การตลาดออนไลน์ เพื่อค้นหาแคมเปญที่เหมาะสมกับธุรกิจ พร้อมสร้างยอดขายให้คุณได้จริง
UTM คือ อะไร? เทคนิคการวัดผลลัพธ์การตลอดออนไลน์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/