ปัญหาเรื่องเสียง โดยเฉพาะปัญหาเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม มักเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามจากผู้ประกอบการเสมอ และส่วนโรงงานไหนที่ให้ความสำคัญ บางทีก็ไม่ได้คิดว่าจำเป็นต้องใช้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงโดยเฉพาะเพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาอยู่ดี และคิดว่าสามารถหาวิธีแก้ไขเองได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เราเข้าใจถึงปัญหาของเสียงมากขึ้นว่า เป็นปัญหาเฉพาะทางที่ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกับ “อุปกรณ์ตรวจวัดเสียง” กัน เพื่อให้เพื่อนๆ ผู้ประกอบการได้ทราบว่า ไม่ใช่ใครก็ได้ที่สามารถวัดเสียงและแก้ไขปัญหาเสียงได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยอุปกรณ์ตรวจวัดเสียงนั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ตามลักษณะเสียงที่ผู้ปฏิบัติงานสัมผัส โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. เครื่องวัดเสียง (Sound Level Meter)
คือเครื่องวัดเสียงที่ใช้สำหรับการตรวจวัดเสียง “ในบริเวณที่ทำงานที่มีเสียงดังต่อเนื่อง” และ “มีลักษณะเสียงคงที่” เช่น เสียงมอเตอร์ เสียงพัดลม เสียงเครื่องทอผ้า ฯลฯ ซึ่งในการทำการตรวจวัดนั้นจะต้องตรวจวัดในบริเวณที่มีผู้ปฏิบัติงานจริงอยู่ในสภาพการทำงานปกติ ตลอดระยะเวลาการทำงาน 1 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้การตรวจวัดผิดพลาด ทั้งนี้ เครื่องวัดเสียงที่ใช้ในการวัดนั้น จะต้องได้มาตรฐาน IEC 61672 : 2002 Electroacoustics Sound Level Meters Class 1 หรือ Class 2 หรือเทียบเท่าด้วย
2. เครื่องวัดปริมาณเสียงสะสม (Noise Dosimeter)
คล้ายกันกับเครื่องวัดเสียง แต่จะใช้สำหรับวัดปริมาณเสียงสะสมในลักษณะของเสียงต่อเนื่องที่ไม่คงที่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น เสียงเครื่องบดพลาสติก เสียงเครื่องเจียร เป็นต้น ทั้งนี้ ยังใช้วัดเสียงในกรณีที่ผู้ปฏิบัติงานต้องเคลื่อนที่ไปยังจุดทำงานที่มีระดับเสียงดังต่างกันตลอดระยะเวลาในการทำงานด้วย อาทิ พนักงานขับรถโฟคลิฟท์ พนักงานเข็นรถส่งอุปกรณ์ ซึ่งเครื่องวัดปริมาณเสียงสะสมที่ใช้นั้น ก็จำเป็นต้องได้มาตรฐาน Specifications for Personal Sound Exposure Meter หรือเทียบเท่า ด้วย
3. เครื่องวัดเสียงกระทบหรือเสียงกระแทก
ใช้สำหรับการตรวจวัดเสียงกระทบหรือเสียงกระแทกโดยเฉพาะ (Impact or Impulse Noise) อันได้แก่ เสียงเครื่องปั๊มชิ้นโลหะ เสียงตอกเสาเข็ม เสียงจากการทุบหรือเคาะ เป็นต้น ซึ่งเครื่องวัดเสียงกระทบหรือเสียงกระแทกนั้น ก็จำเป็นต้องได้มาตรฐาน IEC 61672 : 2002 Electroacoustics Sound Level Meters Class 1 หรือ Class 2 หรือ เทียบเท่า เช่นเดียวกันกับเครื่องวัดเสียงด้วย
จากชนิดของเครื่องวัดเสียงเราจะเห็นได้ว่า การวัดเสียงเพื่อนำไปสู่การควบคุมระดับเสียงให้ได้ค่าที่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนดนั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ผ่านความเข้าใจในเรื่องเสียงประเภทต่างๆ เป็นอย่างดี นั่นจึงทำให้การแก้ไขปัญหาเสียงของโรงงานอุตสาหกรรม จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงโดยตรง
เพื่อให้การแก้ไขเป็นไปอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และไม่สิ้นเปลืองงบประมาณไปกับการแก้ไขปัญหาที่ผิดพลาด ไม่แม่นยำ เพราะความไม่เชี่ยวชาญนั่นเอง เห็นแบบนี้แล้ว ถ้าหากโรงงานของเพื่อนผู้ประกอบการคนไหน กำลังเผชิญกับปัญหาเสียงดังที่อาจนำไปสู่การถูกร้องเรียนอยู่ล่ะก็ ทางที่ดีที่สุด แทนที่จะแก้ไขปัญหาเองแล้วเสี่ยงกับความผิดพลาด ก็ควรเลือกใช้บริการคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงโดยเฉพาะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ฉนวนกันเสียง: ทำความรู้จักอุปกรณ์ตรวจวัดเสียง แล้วจะรู้ว่าไม่ใช่ใครก็วัดเสียงเองได้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/