เดี๋ยวนี้ต้องขอบอกเลยว่าเทรนด์การใช้แอปออมเงิน หรือบริหารจัดการเงิน กำลังมาแรงมากถึงมากที่สุด หันไปทางไหนก็มีแต่คนใช้ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ วัยเรียน ไปจนถึงหนุ่มสาววัยทำงาน เพราะปกติแล้วเรามักจะจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วยการจดบันทึกบ้าง กดเครื่องคิดเลขบ้าง พอเวลาผ่านไป หลายผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน หรือแม้กระทั่งสถาบันการเงินเองก็ต่างพัฒนาแอปออมเงินขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่แอปเหล่านี้จะครองใจผู้ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย
มาถึงตรงนี้แล้วผู้อ่านหลายๆ คนคงจะสงสัยกันใช่ไหมคะว่า ณ ตอนนี้มีแอปให้เลือกใช้เยอะมาก แล้วใช้แอปไหนถึงจะดี? แม้ว่าในความเป็นจริงนั้นเราจะสามารถเลือกใช้แอปใดก็ได้ตามความชอบ และความสะดวก แต่ในยุคที่ง่ายต่อการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวทางออนไลน์แบบนี้ ผู้เขียนจึงอยากจะแนะนำให้เลือกแอปที่ปลอดภัยขึ้นมาอีกสักนิด นั่นก็คือแอปออมเงินที่พัฒนาโดยสถาบันการเงินค่ะ เพราะเป็นแอปจากธนาคารโดยตรง จึงการันตีได้แน่นอนค่ะว่าจะได้ประสบการณ์การใช้งานแอปที่ดีที่สุด รวมทั้งมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยได้อีกด้วย ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนจึงขอหยิบยก 3 แอปออมเงินจาก 3 สถาบันการเงิน มาให้ได้เลือกกันค่ะ รับรองว่าน่าใช้ทุกแอปแน่นอน
Kept by Krungsri
ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้สำหรับแอปยอดฮิตอย่าง Kept by Krungsri จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีจุดเด่นที่เหมือนกระเป๋าสตางค์ที่แยกเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์คนชอบแบ่งเงินออมไว้หลายๆ ที่ เริ่มต้นจาก Kept ที่เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.1% ซึ่งในส่วนนี้จะใช้สำหรับการทำธุรกรรมทั่วไปค่ะ แต่ส่วนที่พิเศษขึ้นมาอีกคือ 3 กระปุกออมเงินที่เชื่อมต่อกับบัญชี Kept ฟีเจอร์หลักของแอปที่มีลูกเล่นโดดเด่นไม่แพ้กัน ได้แก่
Grow เป็นกระปุกที่ช่วยเก็บเงินส่วนเกินจาก Kept อัตโนมัติ (หรือจะโอนเองก็ได้เช่นกัน) ขอบอกว่าเงินที่ออมไว้ในกระปุกนี้นั้นได้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% เลยล่ะค่ะ แถมจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายเดือน เหมาะสำหรับเอาไว้เก็บเงินก้อนมากๆ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะถอนมาใช้ในยามฉุกเฉินนะคะ เพราะสามารถถอนเงินได้ทุกเมื่อเลยค่ะ
Fun สายช้อปปิ้ง เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ห้ามพลาดเลยนะคะ เพราะทุกครั้งที่มีการโอนเงินออกจากบัญชี ระบบจะแอบเก็บเงินให้ตามจำนวนที่เราตั้งค่าไว้ มาพร้อมฟีเจอร์ "สั่งเก็บ" ที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าการเก็บเงินเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ได้ด้วย โดยดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.1% ต่อปีค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน! ถ้าเก็บได้ครบ 10 ครั้ง เดือนถัดไปรับโบนัสเป็นดอกเบี้ย 1% ไปเลยค่ะ
Together ส่วนนี้ที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นจุดที่ทำให้การใช้งานแอปยิ่งน่าสนุกมากขึ้นไปอีกค่ะ โดยกระปุกนี้เราสามารถ DIY กระปุก ตั้งชื่อ ตั้งเป้าหมายได้ตามใจชอบ แล้วชวนเพื่อนๆ หรือครอบครัวที่มีบัญชี Kept มาออมเงินด้วยกันได้เลย (สร้างได้ถึง 5 กระปุกเชียวนะ) แถมยังดูการใช้จ่ายของแต่ละกระปุกได้อีกด้วย อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.5% ต่อปีค่ะ
TMRW by UOB
ถัดมาเป็นคิวของ TMRW by UOB แอปสุดเก๋มาพร้อมดีไซน์สวยงาม ฟีเจอร์ไม่ซ้ำใคร โดยผลิตภัณฑ์ในเครือ TMRW ก็มีให้เลือกทั้งบัญชีเงินฝาก TMRW Everyday, บัญชีเงินฝาก TMRW Savings, TMRW แคชพลัส, บัตรเดบิต TMRW และบัตรเครดิต TMRW เลยค่ะ ถ้าใครสนใจทั้งบัญชีเงินฝาก ทั้งบัตร ใช้แอปนี้ไม่มีผิดหวังแน่นอน! และถ้าหากโอนเงินฝากจาก 'บัญชีเงินฝาก TMRW Everyday’ มาเก็บไว้ใน 'บัญชีเงินฝาก TMRW Savings' ก็จะได้รับดอกเบี้ยสูงขึ้นถึง 1.3% ต่อปีเลยค่ะ (จากเดิมดอกเบี้ย 0.1% ต่อปี)
นอกจากที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายแล้ว การใช้งานก็เรียกได้ว่าหลากหลายไม่แพ้กันเลยค่ะ บอกเลยว่าฟังก์ชันครบ พร้อมทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนเวลาจ่ายบิล การแจ้งเตือนรายการที่น่าสงสัยเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ไปจนถึงการวิเคราะห์การใช้จ่ายเพื่อจัดการเงินออมให้ดียิ่งขึ้น และลูกเล่นดาวเด่นของแอปที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง "City of TMRW" ซึ่งเป็นการออมเงินในรูปแบบเกมสร้างบ้าน บอกเลยว่างานนี้ยิ่งออม บ้านยิ่งสวย! และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่น่าสนใจของ TMRW by UOB คือหน้าตาที่มีสีสันสดใส พร้อมการจัดเรียงที่สวยงามทันสมัย แถมยังขึ้นฟีเจอร์ที่เราใช้บ่อยๆให้อัตโนมัติอีกด้วย ขอบอก ณ จุดๆ นี้เลยว่า ใครชอบแอปพลิเคชันที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลายรูปแบบ ไม่ควรพลาดแอปนี้ไปเลยจริงๆ ค่ะ
MAKE by KBank
ปิดท้ายด้วย MAKE by KBank แอปออมเงินน้องใหม่จากธนาคารกสิกรไทย ที่ผู้ใช้งานต่างก็เทหัวใจรีวิวกันอย่างรัวๆ ในโลกออนไลน์ ด้วย "Cloud Pocket" ฟีเจอร์หลักที่สามารถแบ่งเงินในบัญชีเป็นกระเป๋าย่อย ตามหมวดหมู่ที่ต้องการแบบไม่จำกัดจำนวน หรือจะแชร์กระเป๋ากับเพื่อนเพื่อเก็บเงินร่วมกันก็ได้นะคะ โดยดอกเบี้ยสำหรับการฝากเงินด้วย MAKE by KBank ก็สูงถึง 1.5% ต่อปีเลยทีเดียวค่ะ
ส่วนอีกฟีเจอร์หนึ่งที่มาคู่กันคือ "Expense Summary" มีไว้สำหรับสรุปและติดตามการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น จัด จ่าย จด อีกทั้งยังสามารถใช้ทำธุรกรรมเป็น mobile banking ได้ด้วย (แอปดีขนาดนี้ แน่นอนว่าฟรีค่าธรรมเนียมด้วยนะคะ) ยังไม่จบแค่นั้นนะคะ เป็นแอปออมเงินยุคใหม่ทั้งที จะมีแต่ฟังก์ชันเดิมๆ ได้ยังไงกัน ใช่ค่ะ mobile banking จาก MAKE by KBank เองก็เช่นกัน มาพร้อมลูกเล่นที่ต้องลืมการทำธุรกรรมออนไลน์แบบเก่าไปอย่างแน่นอน ส่วนลูกเล่นที่ว่ามีอะไรบ้างนั้น มาดูกันทีละอย่างเลยค่ะ
Pop pay โอนเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless) อันนี้ผู้เขียนชอบเป็นการส่วนตัวเลยค่ะ เพราะปกติกว่าจะโอนเงินแต่ละทีก็ต้องคอยถามเลขบัญชี หรือเบอร์โทรศัพท์จากเพื่อนๆ ไม่ก็ต้องจดเลขบัญชีเอาไว้ แต่ถ้าได้ลองใช้ฟีเจอร์นี้เข้าแล้วก็ขอให้ลืมเรื่องพวกนี้ไปได้เลยค่ะ แค่อยู่ใกล้ในรัศมี 10 เมตรเท่านั้น เมื่อไอคอนของเพื่อนปรากฏขึ้นก็กดโอนได้เลย สะดวกสุดๆ
Chat Banking ปกติแล้วเวลาเราดูรายการทำธุรกรรมก็มักจะตามมาด้วยความสับสน เนื่องจากตัวเลขบัญชีจะถูกระบุในรูปแบบ xxx-x-xxxxx-x เพื่อความปลอดภัย แต่จะไม่ต้องงุนงนกันอีกต่อไป เพราะ MAKE by Kbank ใช้การระบุการทำรายการในรูปแบบแชทที่เข้าใจง่าย และยังสามารถแนบโน้ตกับรูปภาพได้อีกด้วยค่ะ
Money Request หลายครั้งเวลาเราไปทานข้าว หรือปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนๆ จะต้องมีการหารค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเสมอ (ซึ่งผู้เขียนกับเพื่อนๆ ทำประจำ) หลังจากนั้นต้องตามทวงทีละคนจนกว่าจะครบ โดยฟีเจอร์ Money Request ก็มีไว้เพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้นี่แหละค่ะ ทำให้เรียกเก็บเงินได้สะดวกขึ้นด้วยการส่งรายการเรียกเก็บเงินผ่านแอป MAKE by Kbank ได้เลย
จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นแอปน้องใหม่ ความสามารถก็ไม่แพ้ 2 แอปด้านบนเลยค่ะ ด้วยความสะดวกสบายที่ครบครันแบบนี้นี่เองที่ทำให้ MAKE by Kbank ครองใจผู้ใช้งานได้หลายต่อหลายคน
และถ้าหากใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้งานแอปไหนดี ผู้เขียนขอสรุปจุดเด่นของทั้ง 3 แอปออกมาดังนี้นะคะ
ดอกเบี้ยเงินฝาก: ยุคใหม่ เทรนด์ใหม่ ใครๆ ก็ใช้ "แอปออมเงิน" เจาะ 3 แอปออมเงินสุดฮิต มีดียังไงบ้างนะ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/saving/